“กองทัพว้า” เคลื่อนกำลังพลแล้ว ตบเท้าบุกรัฐฉานใต้-ส่อเค้าเดือด
ข่าวที่น่าสนใจ
รุกล้ำแผ่นดินไทยข้ามปีเลยทีเดียว สำหรับกองกำลังว้าแดง ที่ตอนนี้เราทราบแค่เพียงว่า อยู่ในขั้นตอนการพูดคุย แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่า เบื้องลึกเบื้องหลังมีความคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหน เพราะทางการไทยไม่มีทีท่าว่าจะยื่นคำขาด หรือขีดเส้นตายให้ว้าอย่างชัดเจน ท่ามกลางข้อกังวลของคนในสังคมว่า ในระหว่างที่เวลาถูกทอดออกไป ว้าแดง แอบซุ่มทำอะไรหรือไม่
ล่าสุด เพจมองการเมืองพม่า โพสต์คลิปพร้อมข้อความระบุว่า กองทัพว้า ถูกพบว่ามีการเคลื่อนกำลังพลเข้าสู่รัฐฉานใต้ โดยเฉพาะในเขตเมืองน้ำจ๋าง ซึ่งอยู่ใกล้พื้นที่ของกองกำลังประชาชนปะโอ และกองทัพรัฐฉานใต้ (RCSS/SSA) การเคลื่อนไหวครั้งนี้สร้างความกังวลให้กับกองทัพรัฐฉานใต้ และประชาชนในพื้นที่ หวั่นเกิดสงครามหนัก
กองทัพว้า มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกองทัพรัฐฉานเหนือ (SSPP/SSA) และเคยหนุนหลังกองทัพรัฐฉานเหนือ และกองทัพตะอาง TNLA ที่ร่วมมือกันขับไล่กองทัพรัฐฉานใต้ (RCSS/SSA) ออกจากรัฐฉานเหนือ ในช่วงปี 58 ถึงปี 64 การเคลื่อนกำลังครั้งนี้ จึงถูกมองว่าอาจเป็นการสนับสนุนกองทัพรัฐฉานเหนือ SSPP/SSA ในการขยายอิทธิพลเข้าสู่รัฐฉานใต้
ในเดือนสิงหาคม 67 หลังจากเมืองล่าเสี้ยวถูกยึดโดย MNDAA กองทัพว้าได้เคลื่อนกำลังพลกว่า 2,000 นาย ข้ามแม่น้ำสาละวิน เข้าสู่เมืองต้างยาน โดยอ้างว่า เพื่อปกป้องชาวว้าในพื้นที่ และการเคลื่อนกำลังครั้งนั้น ได้รับการอนุญาตจากกองทัพพม่า และกองทัพรัฐฉานเหนือ
แม้ว่ากองทัพรัฐฉานใต้ และกองทัพรัฐฉานเหนือ จะลงนามข้อตกลงหยุดยิงในเดือนพฤศจิกายน ปี 66 เพื่อยุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานาน แต่การเคลื่อนไหวของกองทัพว้า ในครั้งนี้ ทำให้เกิดความกังวลว่า อาจมีเป้าหมายในการสนับสนุนกองทัพรัฐฉานเหนือ เพื่อขยายอิทธิพล ในรัฐฉานใต้ แต่โฆษกของกองทัพว้า กล่าวปฏิเสธว่าเป็นเพียงข่าวลือ
การเคลื่อนกำลังครั้งนี้ แสดงถึงบทบาทสำคัญของกองทัพว้า ในการกำหนดสมดุลอำนาจในรัฐฉาน นักวิเคราะห์มองว่ากองทัพว้า อาจใช้โอกาสนี้ เพื่อสนับสนุนพันธมิตรในพื้นที่ พร้อมรักษาความสัมพันธ์อันดีกับกองทัพพม่า สถานการณ์ในรัฐฉาน ยังคงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการเคลื่อนไหวนี้ อาจส่งผลต่อเสถียรภาพในพื้นที่ และความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในระยะยาวอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทีมข่าว TOP NEWS ได้สอบถามประเด็นว้าแดงไปยัง รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช นายกสมาคมภูมิภาคศึกษา และอาจารย์สาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยอาจารย์ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจระบุว่า ตอนนี้มีข่าวว่า มีทหารที่ฝึกเสร็จจากปางซาง ลงมาเติมกำลังในเขตว้าใต้ ประชิดชายแดนไทย ซึ่งการเติมกำลังในฐานที่ใกล้กับชายแดนไทยบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน ตัวเลขยังอยู่ในปริมาณที่ยังไม่สูงมาก คือฐานละ 5-10 นาย แต่ก็เป็นตัวเลขที่ประมาทไม่ได้ สำหรับทางการไทย เพราะฉะนั้นการยื้อเรื่องการเจรจาแบบนี้ ในขณะที่ฝั่งว้าก็เติมกำลังพลเข้ามา ฝั่งเราเองก็ควรเติมกำลังด้วยเช่นกัน
เมื่อถามว่า การเติมกำลังพลแบบนี้ เป็นการเตรียมพร้อมรบใช่หรือไม่ อาจารย์กล่าวว่า ส่วนหนึ่งเป็นการเตรียมความพร้อม ตอนนี้ว้าคงกำลังดูเชิงว่า ถ้ายอมถอนแล้วไทยจะให้อะไรเป็นการแลกเปลี่ยน จะคุ้มค่าหรือไม่ ว้าอาจจะไม่อยากรบ แต่แน่นอนว่าว้าก็ต้องตั้งรับเหมือนกัน หากการเจรจาไม่สำเร็จ ตนถึงพูดย้ำมาเสมอว่า ถ้ารัฐบาลไทยจะดำเนินการเจรจาต่อ ก็ทำไป แต่เราก็ต้องเตรียมความพร้อมของเราด้วย ใช้วิธีในมิติต่างๆ กดดันว้าให้หนักแน่นขึ้น และถ้าเจรจาไม่สำเร็จ เราก็ต้องเตรียมปฏิบัติการทางอย่างเต็มพิกัดพอสมควรในการตอบโต้ หากมีการปะทะทางทหารเกิดขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น