วันนี้ (30 กันยายน 2564) ที่อาคารอิมแพคชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี จ.นนทบุรี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุขและผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุษราคัม และคณะผู้บริหาร ทำพิธีปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณหน่วยงานที่ร่วมสนับสนุนการดำเนินงานต่อสู้โควิด 19 จำนวน 24 หน่วยงาน
โดยนายแพทย์เกียรติภูมิกล่าวว่า โรงพยาบาลบุษราคัมใช้เวลาในการจัดตั้งเพียง 7 วัน 1,000 เตียง เป็นโรงพยาบาลสนามที่ใหญ่และสมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทยจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน และได้ขยายเป็น 3,700 เตียง เปิดไอซียูสนาม หอผู้ป่วยวิกฤตโกเมน และหอผู้ป่วยกึ่งวิกฤตทับทิม ดูแลผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง การปิดโรงพยาบาลบุษราคัมในวันนี้ ถือเป็นการจบภารกิจการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด 19 หลังจากที่ได้เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคมเป็นต้นมา รับดูแลผู้ป่วยที่มีอาการในพื้นที่กทม.และปริมณฑล เพื่อให้โรงพยาบาลสามารถให้การดูแลผู้ป่วยอาการหนักได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคมที่มีผู้ป่วยจำนวนมากถึงวันละ 200 ราย จากการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลต้า จากนั้นในเดือนกันยายนจำนวนผู้ป่วยลดลงเรื่อย ๆ เหลือประมาณ 5-6 รายต่อวัน
และส่งผู้ป่วยคนสุดท้ายกลับบ้านวันที่ 20 กันยายน 2564 รวมเปิดบริการ 130 วันให้การดูแลรักษาผู้ป่วยทั้งสิ้น 20,436 ราย โดยบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่จำนวนมากที่เสียสละมาปฏิบัติภารกิจที่โรงพยาบาลบุษราคัม ได้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ของตนเอง
โดย นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า หลังจากนี้ทางกรมอนามัยและกรมควบคุมโรค จะเข้ามาทำความสะอาดตามหลักสาธารณสุข เหมือนกับสถานพยาบาลในหลายๆที่ ซึ่งจริงๆ แล้วเชื้อโรคเหล่านี้ไม่ถึงวันก็ตายอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาเรื่องการติดเชื้ออย่างแน่นอน อีกทั้งจะมีการซ่อมบำรุงสถานที่ ทั้งเรื่องตัวปรับอากาศทั้งหมด อุปกรณ์ต่างๆ ทั้งที่จัดหาและได้รับมา จะมีการจัดสรร ส่งต่อให้กับสถานพยาบาลแห่งอื่น เนื่องจากโควิด-19 ยังมีอยู่ อุปกรณ์เหล่านี้จึงมีความจำเป็นอยู่
นายแพทย์เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า ขณะนี้ การดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด 19 ได้ปรับรูปแบบให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อยเข้าระบบรักษาตัวที่บ้าน, กักตัวที่ชุมชน, ศูนย์พักคอย, โรงพยาบาลสนามหรือในฮอสปิเทล ส่วนผู้ที่มีอาการปานกลางถึงอาการหนักส่งเข้ารักษายังโรงพยาบาล และจากมาตรการที่ดำเนินการอย่างเข้มข้น ส่งผลให้โรงพยาบาลต่างๆ มีอัตราครองเตียงลดลงโดยเฉพาะในเขตกทม.และปริมณฑล อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนป้องกันตนเองสูงสุด ทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา และมารับการฉีดวัคซีนตามนัดหมาย เพื่อลดการแพร่ระบาดของโควิด 19 ให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว
ทั้งนี้ ปลัด สธ.ได้ขอบคุณแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัคร ผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วน ที่ได้เสียสละมาปฏิบัติงานดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ที่โรงพยาบาลบุษราคัม รวมถึงผู้มีจิตศรัทธามอบสิ่งของอุปโภค บริโภค อุปกรณ์ทางการแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวกในภารกิจดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ ทำให้ประสบความสำเร็จและจบภารกิจได้อย่างสมบูรณ์
ส่วนการคลายล็อคที่จะเริ่มผ่อนคลายมาตรการในวันที่ 1 ตุลาคม ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร แต่อยากให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติภายใต้วิถี New Namal ต้องป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ และไม่แพร่เชื้อ รวมถึงต้องตรวจด้วย ATK เป็นประจำเพื่อไม่ให้เกิดคลัสเตอร์ขึ้นอีก ส่วนใครที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ควรรีบเข้ารับการฉีดให้เร็วที่สุด