AFP รายงานว่าทันทีที่เดินทางเข้าทำเนียบขาวหลังสาบานตนรับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ (จันทร์ที่ 20 มค.) ทรัมป์ประกาศในห้องทำงานรูปไข่ว่าเขากำลังคิดว่าจะเริ่มเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ และคาดว่าจะเก็บในอัตรา 25% เพื่อลงโทษที่สองประเทศเพื่อนบ้านปล่อยให้คลื่นผู้ลี้ภัยจำนวนมาก หลั่งไหลเข้าสู่พรมแดนสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย นอกจากนี้ก็ยังปล่อยให้มีการลักลอบส่งเฟนตานิลเข้าสู่สหรัฐจนทำให้ชาวอเมริกันติดยาและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ทรัมป์ยังมีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษานโยบายการค้าสหรัฐ รวมถึงประเด็นการขาดดุล, การปฎิบัติที่ไม่เป็นธรรมและการบิดเบือนค่าเงิน เพื่อที่ทรัมป์จะได้พิจารณาตอบโต้และขึ้นภาษีสินค้านำเข้าเพิ่มเติมจากประเทศที่ได้เปรียบสหรัฐ ซึ่งเม็กซิโก, แคนาดาและจีนถือเป็นสามประเทศหลักที่ส่งสินค้าไปขายที่สหรัฐมากที่สุด
นอกจากนี้ทรัมป์ก็กำลังพิจารณาเรื่องการกำหนดกำแพงภาษีแบบครอบคลุมทั่วโลกเพื่อแก้ปัญหาการขาดคุลของสหรัฐ อย่างไรก็ตามทรัมป์บอกว่าสหรัฐยังไม่พร้อมที่จะกำหนดกำแพงภาษีครอบคลุมทุกประเทศทั่วโลกในขณะนี้ แต่จะเลือกเก็บประเทศที่สหรัฐเสียดุลการค้าหลักๆก่อน
ทรัมป์ยังพูดถึงเรื่องสหภาพยุโรปว่าซื้อสินค้าจากสหรัฐไม่มากพอ และขู่ว่าสหรัฐอาจจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าหรือไม่อียูจะต้องซื้อน้ำมันและก๊าซจากสหรัฐเพิ่มขึ้น
ด้านผู้แทนการค้าอียูและเมลานี โจลี่ รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดาออกมาตอบโต้ว่าพร้อมที่จะใช้มาตรการปกป้องตัวเองและตอบโต้สหรัฐ สำหรับจีน ทรัมป์มีแผนจะเดินทางเยือนปักกิ่งเร็วๆนี้หลังพิธีสาบานตน คาดว่าน่าจะมีพูดคุยและต่อรองกันในเรื่องนี้
ด้านนักวิเคราะห์หลายคนต่างออกมาเตือนว่าการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจะทำให้สินค้าแพงขึ้น และผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือผู้บริโภคชาวอเมริกัน