KPBS และ BBC รายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีถอนสหรัฐออกจาก WHO เรียบร้อยแล้วในการทำงานวันแรกหลังพิธีสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวานนี้ (จันทร์ที่ 20 มค.) และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่สองที่ทรัมป์ถอนสหรัฐออกจากองค์การอนามัยโลก
โดยเอกสารคำสั่งระบุเหตุผลที่สหรัฐถอนตัวว่า “เป็นเพราะองค์การอนามัยโลกรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด 19 และวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขอื่นๆผิดพลาดและล่าช้า จากความล้มเหลวเหล่านี้ องค์การอนามัยโลกจำเป็นต้องมีปฎิรูปอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ WHO ยังถูกครอบงำและควบคุมจากสมาชิกบางประเทศ ทำให้ไม่มีอิสระในการตัดสินใจ และอีกหนึ่งเหตุผลคือสหรัฐต้องจ่ายค่าสมาชิกให้ WHO มากกว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งไม่เป็นธรรม โดยปี 2566 รัฐบาลโจ ไบเดนจ่ายค่าสมาชิกไปเกือบ 1 ใน 5 ของงบประมาณต่อปีของ WHO ซึ่งถือเป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุด แต่ WHO กลับให้ความสำคัญกับจีนและใช้จีนเป็นศูนย์กลางเวลากำหนดแนวทางป้องกันโควิด
ทั้งนี้รัฐบาลทรัมป์หนึ่งได้ถอนสหรัฐออกจาก WHO ในช่วงที่เกิดโควิด แต่ไบเดนถอนคำสั่งหลังเข้ารับตำแหน่งต่อจากทรัมป์
อย่างไรก็ตาม ระหว่างลงนามคำสั่ง ทรัมป์พูดว่า “WHO ต้องการให้สหรัฐกลับเข้าเป็นสมาชิกใจจะขาด เดี๋ยวมาดูกันต่อไป” ซึ่งเหมือนพูดเป็นนัยน์ว่าสหรัฐอาจจะกลับเข้าเป็นสมาชิกอีกครั้งในอนาคต
ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขออกมาวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของทรัมป์ พร้อมเตือนว่าการนำสหรัฐออกจาก WHO อาจกระทบต่อสุขภาพของคนอเมริกัน นอกจากนี้ก็จะทำให้โครงการต่อสู้กับโรคติดต่อต่างๆทั่วโลก รวมทั้งมาลาเรีย, วัณโรคและเอชไอวีต้องสะดุดลง ทั้งยังกระทบต่อภาพพจน์ความเป็นผู้นำโลกของสหรัฐ
ด้านนายกัว เจียคุน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนออกมาแถลงตอบโต้ในวันนี้ (อังคารที่ 21 มค.) ชี้บทบาทขององค์การอนามัยควรจะต้องได้รับส่งเสริมให้แข็งแกร่งเท่านั้น ไม่ใช่ทำให้อ่อนแอ และว่ารัฐบาลจีนจะเดินหน้าสนับสนุน WHO ต่อไปเพราะถือเป็นหน้าที่และภารกิจในการร่วมสร้างประชาคมโลกที่แข็งแรงและสุขภาพดี