ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ โพสต์บน ทรูธ โซเชียล แพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ของเขาเอง และบน X เมื่อวาน (22 มกราคม) ว่าเขาไม่เคยคิดทำร้ายรัสเซีย และมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ไม่ลืมว่า รัสเซียช่วยเหลือสหรัฐฯชนะสงครามโลกครั้งที่สอง จนสูญเสียทหารไปเกือบ 60 ล้านคน ถึงอย่างนั้น เขาต้องการให้รัสเซียที่เศรษฐกิจกำลังล่มสลายและประธานาธิบดีปูติน ทำความตกลงและหยุดสงครามไร้สาระนี้ ที่มีแต่จะเลวร้ายลง หากไม่สามารถทำข้อตกลงสันติภาพกันได้ และยุติสงครามในเร็ว ๆ นี้ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องขึ้นภาษี และมาตรการแซงชั่นสินค้าทุกอย่างที่รัสเซียขายให้กับสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ ที่มีส่วนร่วม
ทรัมป์ ยังโพสต์ว่า มาช่วยกันยุติสงครามที่จะไม่มีวันเกิดขึ้นหากเขาเป็นประธานาธิบดี เราสามารถจบสงครามได้ด้วยหนทางง่าย หรือวิธียากลำบาก แต่ทางง่ายนั้นย่อมดีกว่าเสมอ ก่อนปิดท้ายว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำข้อตกลง ไม่ให้สูญเสียชีวิตมากไปกว่านี้
แม้ว่ารัสเซียถูกสหรัฐฯภายใต้รัฐบาลโจ ไบเดน แซงชั่นแทบทุกภาคส่วนแล้ว แต่ทรัมป์ มหาเศรษฐีพันล้านที่โด่งดังจากหนังสือ ดิ อาร์ต ออฟ เดอะ ดีล (The Art of the Deal) หรือ ศิลปะแห่งการต่อรอง และคณะทำงานของเขา เชื่อว่า ยังมีหลายมาตรการที่จะนำมาใช้กดดันปูตินได้
สหรัฐฯนำเข้าสินค้าจากรัสเซีย ช่วงเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน 2567 มูลค่า 2 พัน 900 ล้านดอลลาร์ ลดลงมากจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่าแตะ 4 พัน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อ้างอิงจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ โดยสินค้านำเข้าอันดับต้นๆจากรัสเซีย เช่น ปุ๋ย อาหารสัตว์ และโลหะมีค่า
โพสต์ของทรัมป์ เป็นการแสดงท่าทีแข็งกร้าวที่สุดต่อปูติน นับจากกลับมารับตำแหน่งในสัปดาห์นี้ และสวนทางกับการคาดการณ์กันก่อนหน้านี้ว่า เป็นยูเครนมากกว่ารัสเซียที่จะถูกกดดันให้บรรลุข้อตกลงกัน
ในการแถลงข่าวก่อนหน้านั้น ทรัมป์ ตอบสั้นๆว่า “น่าจะเป็นอย่างนั้น” เมื่อถูกถามว่าจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียหรือไม่ หากปูตินไม่ยอมนั่งโต๊ะเจรจา อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์ ปฏิเสธที่จะยืนยันว่า จะสานต่อนโยบายไบเดน เรื่องการส่งอาวุธหลายพันล้านดอลลาร์ช่วยยูเครนทำสงครามหรือไม่ ตอบเพียงว่า กำลังพิจารณาอยู่ และบอกว่า กำลังพูดคุยกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน และจะพูดคุยกับประธานาธิบดีปูตินในเร็ว ๆ นี้