“สปน.” จัดเวทีประชุม เชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนตรวจราชการแบบบูรณาการ

"สปน." จัดเวทีประชุม เชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการและการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

วันที่ 23 มกราคม 2568 นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อขับเคลื่อนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ

และการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ ห้องเวิลด์ บอลรูม ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์

โดยมี นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และคณะ เยี่ยมชมนิทรรศการ

ตลอดจนกล่าวเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ และการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม มีการแสดงจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ อีกด้วย

 

 

 

 

 

ขณะที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การตรวจราชการของผู้ตรวจราชการ เป็นกลไกสำคัญของการบริหารราชการแผ่นดินในการติดตาม กำกับ ดูแล และประเมินผล

อีกทั้งเป็นการกระตุ้นเร่งรัดให้การปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐบรรลุเป้าหมาย รวมถึงสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว

และมีส่วนสำคัญในการรับฟังความคิดเห็นของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน เพื่อสะท้อนปัญหาอุปสรรค และความต้องการกลับมาสู่รัฐบาล และเพื่อให้การตรวจราชการบรรลุผล

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ผู้ตรวจราชการจะต้องเข้าใจนโยบาย และเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด โดยนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ในคราวมอบนโยบาย เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ได้มีการกล่าวถึงปัญหาสำคัญของประเทศที่จำเป็นต้องแก้ไขมี 9 ประการ ได้แก่

1. ปัญหาประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ปัญหาหนี้สินครัวเรือน ปัญหาหนี้สินนอกระบบ

2. ปัญหาการเข้าสู่สังคมสูงวัย คาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยแบบสุดยอด (Super Aged Society) คุณภาพและทักษะแรงงานของไทยส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำกว่าประเทศข้างเคียง คุณภาพของคนไทยในวัยทำงานลดลง

ในขณะที่การเข้าสู่สังคมสูงวัยและภาระค่าใช้จ่ายของภาครัฐในการดูแลสวัสดิการและงบประมาณด้านสาธารณสุข มีแนวโน้มจะสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

3. ปัญหายาเสพติด เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2566

4. ปัญหาการพนัน และอาชญากรรมออนไลน์

5. ปัญหาการขาดสภาพคล่องของผู้ประกอบการ SMEs ส่งผลให้สัดส่วนหนี้เสียเพิ่มขึ้น และกำลังซื้อลดลง

6. ปัญหาการปรับตัวไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี (Technological Disruption) ทำให้เกิดการเสียเปรียบทางการค้า

7. ปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งกระทบต่อการท่องเที่ยว และเกิดผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง อุทกภัย และฝุ่น PM2.5 โดยมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 โดยมุ่งเน้นการแก้ปัญหาฝุ่นจากภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และการคมนาคม

 

 

 

 

8. ปัญหาระบบราชการแบบรวมศูนย์

9. ปัญหาอันเนื่องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) หรือปัญหาความขัดแย้งของประเทศมหาอำนาจซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทย

ผลจากปัญหาท้าทายทั้ง 9 ประการ รัฐบาลจึงออกเป็นนโยบายเร่งด่วน 10 ประการ อาทิ การผลักดันการปรับโครงสร้างมาตรการช่วยเหลือ SMEs

มาตรการลดค่าพลังงาน การนำเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยนโยบาย Digital Wallet มอบเงินให้ผู้สูงอายุ การแก้ไขปัญหายาเสพติด

การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ การแก้ไขปัญหาสวัสดิภาพและสวัสดิการของประชาชน เป็นนโยบายรัฐบาลที่สอดคล้องกับการตรวจราชการของผู้ตรวจราชการ

 

 

 

โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 นโยบายสำคัญที่ต้องเร่งขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน 3 ประการ ได้แก่ การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์เพาเวอร์ (Soft Power) และการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดและบุหรี่ไฟฟ้า มีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล

เนื่องจากมีผลกระทบสำคัญต่อประชาชนและการพัฒนาประเทศ จึงกำหนดให้เป็นประเด็นการตรวจราชการแบบบูรณาการร่วมกันของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจราชการกระทรวง และผู้ตรวจราชการกรม

โดยรัฐบาลมุ่งหวังที่จะใช้กลไกของผู้ตรวจราชการในทุกหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งในการตรวจราชการในพื้นที่แทนรัฐบาล เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง ชี้แจง แนะนำ ทำความเข้าใจ และเร่งรัด

ติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลดังกล่าว และรับฟัง ทุกข์ สุข ของประชาชน พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรค

ซึ่งการรายงานของผู้ตรวจราชการจะเป็นข้อมูลสำคัญของรัฐบาลที่จะถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาขับเคลื่อนการดำเนินงานของรัฐบาล ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการจัดเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการ ซึ่งประกอบด้วย 2 กิจกรรม ได้แก่

1.) การบรรยายเพื่อชี้แจงกรอบแนวทางและวิธีการตรวจราชการแบบบูรณาการ และการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อขับเคลื่อนการตรวจราชการร่วมกันของผู้ตรวจราชการ

และ 2.) การจัดนิทรรศการในประเด็นนโยบายสำคัญ ตามกรอบแนวทางการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ และการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบกรอบแนวทางและวิธีการตรวจราชการแบบบูรณาการ ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 รวมทั้งได้รับทราบข้อมูลแผนงาน/โครงการตามประเด็นนโยบายที่จะดำเนินการตรวจราชการแบบบูรณาการ

และมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อเตรียมการตรวจราชการ ตลอดจนประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

 

 

 

 

ทั้งนี้ เมื่อประชุมเชิงปฏิบัติการเสร็จสิ้น ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจราชการกระทรวง และผู้ตรวจราชการกรม จะได้ร่วมกันตรวจราชการแบบบูรณาการในพื้นที่ ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ตามวัตถุประสงค์ของการตรวจราชการ อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความคุ้มค่า ต่อไป

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

วธ. เปิดบ้านศิลปินแห่งชาติ "ร.ต.ทวี บูรณเขตต์" ศิลปินแห่งชาติ ผู้สร้างสรรค์ประติมากรรม "พระพุทธชินราช" จำลอง
ศาลให้ประกันตัว "สมรักษ์ คำสิงห์" ตีวงเงิน 4 แสนบาท คดีพรากผู้เยาว์-พยายามข่มขืนสาว 17
นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯร่วมพิธีลงนาม FTA ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาล สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน
กรมโยธาธิการและผังเมือง เน้นย้ำ “มาตรการป้องกันฝุ่น” ก่อสร้างอาคาร ร่วมเดินหน้าเร่งแก้ไข PM 2.5
“เต้” เล่านิทานคืนสยองขวัญ “คนบนฝั่ง” อำนาจล้น-สั่งปิดปากคดี “แตงโม”
ผู้นำสิงคโปร์เตือนสงครามโลกหากถูกบังคับเลือกข้าง
ทหารเกาหลีเหนือพุ่งโขกเสาหนีโดนจับ
ผู้นำสหรัฐฯจี้ปูตินจบสงครามไร้สาระหรือเจอแซงชั่น
สหรัฐฯขึ้นบัญชีฮูตีองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ
DSI เข้าเรือนจำ แจ้งข้อหาเพิ่ม ‘บอสพอล-สามารถ’ สมคบร่วมฟอกเงิน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น