กระทั่งช่วงเย็นที่ผ่านมา พ.ต.อ.พีรรัฐ โยมา ผกก.สน.สุวินทวงศ์ และฝ่ายสืบสวน สน.สุวินทวงศ์ ได้ออกตรวจพื้นที่ปราบปรามยาเสพติด ซอยสุวินทวงศ์ 50 พบนายชนะภัย มีท่าทีพิรุธ เข้าไปขอตรวจค้น พบลักษณะตรงกับที่เจ้าหน้าที่กำลังต้องการตัว จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำ และแจ้งให้สน.มีนบุรี และ สน.คันนายาว รับทราบ

จากการสอบปากคำ นายชนะภัย ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวจริง และยังเคยไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันที่บริษัท ตรงข้ามซอยรามอินทรา 109 เนื่องจากเคยทำงานที่บริษัทดังกล่าว แต่ถูกไล่ออกจึงเกิดความแค้น และตัดสินใจซื้อประทัดยักษ์ไล่นกมาประกอบเป็นระเบิดไปป์บอมบ์ ไล่ก่อเหตุไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั้งนี้ เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมือง หรือมีผู้ใดสั่งการ

พล.ต.ต.นพศิลป์ เผยอีกว่า จากการตรวจสอบประวัติของ นายชนะภัย พบว่าเคยทำงานที่บริษัทดังกล่าวในปี 2557 ถึงปี 2559 ก่อนบริษัทจับได้ว่าลักทรัพย์ จึงถูกจับกุมดำเนินคดี ต่อมาในปี 2561 กลับมาสมัครงานที่บริษัทเดิมอีกครั้ง และทำงานจนถึงปี 2563 แต่พบว่ามีปัญหายาเสพติดจึงให้ออกจากบริษัท เป็นสาเหตุทำให้ผู้ต้องหาเกิดความคับแค้นใจและมาก่อเหตุดังกล่าว

เบื้องต้นแจ้งข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้เกิดระเบิดจนทรัพย์สินเสียหาย และบุกรุกในเวลากลางคืน โดยจะแยกดำเนินคดีต่างกรรม ต่างวาระกันทั้ง 2 สถานที่

ด้านนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วย รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า ขอขอบคุณ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ทั้งนี้ ขอชื่นชมการทำงานของตำรวจที่เร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายได้ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง สำหรับการก่อเหตุดังกล่าวถือเป็นคดีที่อุกอาจมาก ส่งผลให้พี่น้องประชาชนที่อยู่บริเวณข้างเคียงขวัญผวาและหวาดระแวง

ทั้งนี้จากการตรวจร่างกายผู้ต้องหามีสารเสพติด และเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงสาเหตุที่ลงมือ ก็ตอบวกไปวนมา เมื่อถามว่าแค้นเขาหรืออย่างไร นายชนะภัย ตอบเพียงว่าอย่ากลับบ้านครับ