AP และ CNN รายงานว่าแคโรไลน์ ลีฟวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวออกมาแถลงข่าวเมื่อคืนที่ผ่านมา (อาทิตย์ที่ 26 มค.) ตามเวลาท้องถิ่นประกาศว่าโคลอมเบียได้ยอมรับเครื่องบินของกองทัพสหรัฐที่นำส่งผู้ลี้ภัยชาวโคลอมเบียที่แอบลักลอบเข้าสหรัฐจำนวน 2 ลำโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไขแล้ว สหรัฐจึงยกเลิกคำสั่งเก็บภาษีสินค้านำเข้า 25% เช่นกันและจะไม่มีการลงนามบังคับใช้ใดๆ แต่จะยังคงบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรวีซ่าเจ้าหน้าที่โคลอมเบียที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิเสธเที่ยวบินผุ้ลี้ภัยจากสหรัฐก่อนหน้านี้ รวมทั้งมาตรการตรวจสอบนักท่องเที่ยวและสินค้าจากโคลอมเบียอย่างเข้มงวด จนกว่าปฏิบัติการส่งคืนผู้ลี้ภัยจากโคลอมเบียของสหรัฐจะเสร็จสิ้น
การเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐกับโคลอมเบียมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีคำสั่งให้เนรเทศผู้ลี้ภัยผิดกฎหมายจากโคลอมเบียโดยใช้เครื่องบินทหาร 2 ลำในการขนส่งกลับไปโคลอมเบียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่รัฐบาลโคลอมเบียไม่อนุญาตให้เครื่องบินลงจอด โดยให้เหตุผลว่าสหรัฐไม่ให้เกียรติและปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยโคลอมเบียราวกับอาชญากร พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐใช้เครื่องบินพลเรือนในการขนส่งผุ้ลี้ภัยไม่ใช่เครื่องบินทหาร ด้านทรัมป์ได้ตอบโต้ทันทีด้วยการตั้งกำแพงภาษี 25% มีผลบังคับใช้ท้นทีและจะขึ้นอีก 25% เป็น 50% ในสัปดาห์ถัดไป พร้อมสั่งระงับการออกวีซ่าเจ้าหน้าที่โคลอมเบียที่เกี่ยวข้อง โดยทรัมป์ได้โพสต์ลง “ทรู๊ธ” ว่า “นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น สหรัฐจะไม่ยอมให้รัฐบาลโคลอมเบียปฏิเสธการรับคืนผู้ลี้ภัยของตัวเองที่แอบเข้าสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย”
ด้านประธานาธิบดีกุสตาโว่ เปโตร ผู้นำโคลอมเบียก็เอาคืนด้วยการสั่งเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้น 25% เช่นกัน
แต่ล่าสุด นายลูอิส กิลเบอร์โต้ มูริโย่ รัฐมนตรีต่างประเทศโคลอมเบียได้ออกแถลงการณ์ว่ารัฐบาลโคลอมเบียได้แก้ปัญหาการเผชิญสหรัฐแล้ว และจะทยอยรับผู้ลี้ภัยชาวโคลอมเบียที่สหรัฐส่งกลับมาทั้งหมด
การใช้มาตรการผู้ลี้ภัยที่แข็งกร้าวกับโคลอมเบียของทรัมป์ถือเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูหรือเตือนประเทศอื่นๆไม่ให้ทำเหมือนโคลอมเบีย