The Times of Israel และ AFP รายงานว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (จันทร์ที่ 27 มค.) คลื่นผุ้พลัดถิ่นปาเลสไตน์หลายพันคนที่ถูกสั่งให้อพยพมาหลบภัยทางตอนใต้ของกาซาได้เริ่มออกเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาที่กาซาเหนือแล้ว หลังจากอิสราเอลบรรลุเงื่อนไขกับกลุ่มฮามาสเรื่องการปล่อยตัวประกันพลเรือนที่ยังค้างอยู่
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลสั่งปิดเส้นทางและขัดขวางไม่ให้ชาวปาเลสไตน์เดินทางกลับกาซาเหนือ เพื่อตอบโต้ที่ฮามาสไม่ปล่อยตัวอาร์เบล เยฮู้ด ตัวประกันหญิงที่เป็นพลเรือนระหว่างการแลกเปลี่ยนตัวประกันชุดที่สองเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง 6 สัปดาห์ ซึ่งฮามาสอ้างว่าเกิดปัญหาขัดข้องทางเทคนิค
อย่างไรก็ตาม สำนักงานนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนธันยาฮู ได้ออกแถลงการณ์เมื่อช่วงเช้าวันนี้ว่าอิสราเอลและฮามาสสามารถบรรลุการเจรจา โดยฮามาสจะปล่อยเยฮู้ดและตัวประกันอีก 2 คนในวันพฤหัสบดีนี้ และอีก 3 คนในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ รวมเป็น 6 คนซึ่งถือเป็นการแลกเปลี่ยนตัวประกันชุดที่สาม ทั้งนี้โฆษกกองทัพอิสราเอลแถลงว่าชาวปาเลสไตน์ที่เดินเท้าสามารถออกเดินทางได้ตั้งแต่ 0700 นาฬิกาเช้านี้ ส่วนผู้ใช้รถอนุญาตให้ออกเดินทางตั้งแต่ 0900 นาฬิกาเป็นต้นไป
ขณะที่มาห์มูด อับบาส ผุ้นำปาเลสไตน์ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านและประณามโครงการบังคับย้ายถิ่นฐานชาวปาเลสไตน์จากกาซาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งนี้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์บนแอร์ฟอร์ซวันว่าเขาได้ต่อสายหาผู้นำจอร์แดนและอิยิปต์เพื่อขอให้รับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์เพิ่มขึ้นอีกราว 1 ล้าน 5 แสนคนเพราะสหรัฐจะได้กวาดล้างทำความสะอาดฉนวนกาซาและพัฒนาผังเมืองใหม่
ด้านกลุ่มสันนิบาตอาหรับก็ออกมาคัดค้านเช่นกันเตือนว่าแนวคิดของทรัมป์เป็นความพยายามหลอกล่อชาวปาเลสไตน์ออกจากบ้านเกิด ซึ่งถือเป็นความพยามยามกวาดล้างเผ่าพันธุ์
ล่าสุดนายอัยมาน ซาฟาดี รัฐมนตรีต่างประเทศจอร์แดนได้ออกมาปฏิเสธคำขอของทรัมป์ ชี้ประเทศจอร์แดนเป็นของคนจอร์แดน และดินแดนปาเลสไตน์ก็เป็นของชาวปาเลสไตน์ ขณะที่กระทรวงต่างประเทศอิยิปต์ก็ออกแถลงการณ์ปฏิเสธเรื่องการละเมิดสิทธิของชาวปาเลสไตน์เช่นกัน