“ดร.สามารถ” กระตุกรัฐอย่าเพิ่งดีใจ มาตรการขึ้นฟรีรถไฟฟ้า แก้ฝุ่น PM 2.5 ได้ผล ชี้ 3 ข้อต้องตอบลดรถยนต์แค่ไหนแน่

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กระตุกรัฐอย่าเพิ่งดีใจ มาตรการขึ้นฟรีรถไฟฟ้า แก้ฝุ่น PM 2.5 ได้ผล ชี้ 3 ข้อต้องตอบลดรถยนต์แค่ไหนแน่

“ดร.สามารถ” กระตุกรัฐอย่าเพิ่งดีใจ มาตรการขึ้นฟรีรถไฟฟ้า แก้ฝุ่น PM 2.5 ได้ผล ชี้ 3 ข้อต้องตอบลดรถยนต์แค่ไหนแน่ – Top News รายงาน

ดร.สามารถ ติง 3 ข้อรบ.แก้ลดฝุ่นพิษ ชี้รถไฟฟ้าแน่น-บนถนนรถยังติดหนัก ลั่น 140 ล้าน ไม่พอแน่ 

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ – Dr.Samart Ratchapolsitte โดยระบุว่า..โอ้โฮ! รถไฟฟ้าแน่น แต่บนถนนรถยังติดหนัก คิดแล้ว 140 ล้าน ไม่พอแน่

มาตรการให้ขึ้นรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน ระหว่างวันที่ 25-31 มกราคม 2568 เพื่อลดฝุ่นพิษ PM2.5 ผ่านไปแล้ว 3 วัน ผู้เกี่ยวข้องดีอกดีใจกันใหญ่ ป่าวประกาศว่ามีผู้ใช้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาก แต่ไม่ยอมแสดงผลการนับปริมาณรถแยกตามประเภทว่ารถยนต์ส่วนบุคคลลดลงตามที่คาดหวังไว้หรือไม่? จากการติดตามการใช้มาตรการนี้ ผมมีข้อท้วงติงและข้อเสนอแนะรัฐบาล 3 ข้อ ดังนี้

 

1. เงินชดเชยจาก 140 ล้าน เพิ่มเป็น 329 ล้าน จะไม่ขอเพิ่มอีก แน่นะ?
ก่อนที่ รมว.คมนาคมจะชี้แจงว่าเงินชดเชย 140 ล้านบาท ไม่พอต้องขอเพิ่มเป็น 329 ล้านบาทนั้น ผมได้ให้สัมภาษณ์หลายรายการว่า 140 ล้านบาท ไม่พอที่จะชดเชยผู้ประกอบการรถไฟฟ้าทุกสาย ทุกสี รวมทั้งผู้ประกอบการรถเมล์ (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก.) แน่นอน ถึงวันนี้ ขอให้ รมว.คมนาคม ยืนยันว่าจะใช้เงินชดเชยผู้ประกอบการรถไฟฟ้าทุกสาย ทุกสี รวมทั้งรถเมล์ ขสมก.ไม่เกิน 329 ล้านบาท แน่ จะไม่ขอเพิ่มอีก เนื่องจากปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นมาก ผมคาดว่าจะต้องใช้เงินชดเชยมากกว่านี้ ทั้งนี้ นอกจากรัฐจะไม่ยอมจ่ายค่าโดยสารให้ผู้ประกอบการในส่วนผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น วงเงิน 329 ล้านบาท ก็อาจจะพอ  ด้วยเหตุนี้ ผู้เกี่ยวข้องควรเปิดเผยการคำนวณเงินชดเชยให้ผู้ประกอบการรถไฟฟ้าและรถเมล์อย่างละเอียดต่อสาธารณชน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

2. การคำนวณอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารรถไฟฟ้า น่าฉงน?
หลังจากใช้มาตรการนี้ในวันแรกคือวันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2568 ผู้เกี่ยวข้องพากันดีอกดีใจกันใหญ่พร้อมกับประกาศก้องว่า มีผู้ใช้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 45% ผมแปลกใจว่าเขาคิดได้อย่างไร? จึงตามไปดู พบว่าเขาใช้ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าในวันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2568 ลบด้วยปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าเฉลี่ย 3 วัน ประกอบด้วยวันเสาร์ที่ 4 เสาร์ที่ 11 และเสาร์ที่ 18 มกราคม 2568 ทำให้ได้ผลลัพธ์ผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 45%

การคำนวณที่ถูกต้องจะต้องเปรียบเทียบปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าในวันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2568 กับปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าในวันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2568 เท่านั้น เพราะเป็นการเปรียบเทียบผลของการใช้มาตรการนี้ 7 วัน กับช่วงเวลา 7 วันก่อนการใช้มาตรการนี้ ไม่ควรนำปริมาณผู้โดยสารในวันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2568 (ซึ่งมีผู้โดยสารไม่มาก เพราะอยู่ในช่วงต้นปี หลายคนยังไม่กลับมาทำงาน) และในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 มารวมคำนวณด้วย  หากคำนวณตามข้อเสนอแนะของผมจะพบว่า ในวันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2568 มีผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากวันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2568 คิดเป็น 38% ไม่ใช่ 45%

 

3. จะต้องแสดงให้เห็นว่ารถยนต์ส่วนบุคคลลดลงเท่าใด?
ไม่ว่าปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเท่าใดก็ตาม ก็จะไม่มีผลกับการลดฝุ่นพิษ PM2.5 ถ้าการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยเหตุนี้ อย่าหลงดีใจไปกับตัวเลขเปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้นของปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้า เนื่องจากผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจำนวนไม่น้อยเปลี่ยนจากรถสาธารณะ เช่น รถเมล์ รถตู้ แท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก มอเตอร์ไซค์ รถไฟ รฟท. รวมทั้งเรือ มานั่งรถไฟฟ้าฟรี ไม่ได้มาจากรถยนต์ส่วนบุคคล

ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้องจะต้องแสดงให้เห็นว่าผลจากการให้ใช้รถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน ทำให้รถยนต์ส่วนบุคคลลดลงได้เท่าใด? โดยเฉพาะบนถนนที่มีรถไฟฟ้าให้บริการและถนนใกล้เคียง อย่ากล่าวอ้างลอยๆ โดยไม่มีการนับปริมาณรถแยกตามประเภท แต่อย่าลืมว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถยนต์ส่วนบุคคลลดลงก็คือการปิดโรงเรียน และ Work from Home (WfH)
หลายท่านคงเห็นด้วยกับผมว่า แม้จะให้ใช้รถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรีก็ตาม แต่บนท้องถนนรถก็ยังติดหนักเหมือนเดิม
ทั้งหมดนี้ ผมขอเป็นกำลังใจให้ผู้เกี่ยวข้องทุกคน ประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับ “สงครามฝุ่นพิษ PM2.5” ครับ

ดร.สามารถ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

จีน-แคนาดา-เม็กซิโกเปิดศึกการค้าตอบโต้สหรัฐ
“ไอซ์ รักชนก” หารือ“ประกันสังคม” เปิดข้อมูลบริหารจัดการ คาด 7 วันรู้ผล
“วราวุธ” ส่งทีม ศรส. พม.ร้อยเอ็ด เร่งช่วยปู่ย่า จัดสวัสดิการสังคมเลี้ยงดูหลานเล็ก 3 คน ที่ร้อยเอ็ด
มติคกก.นโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดช่องให้ขายในโรงแรม - สนามบินระหว่างประเทศ คงห้ามขายเหล้าวันพระใหญ่
สภาสูงร้อนฉ่า "สว.สีน้ำเงิน" ซัดดีเอสไอโดนครอบงำ จวก "ทวี" จงใจแกล้งเลือกยัดผิดคดีฮั้ว
เช็กลิสต์ศาลขอหลักฐาน ผบ.ตร. “คดีแตงโม” เจาะโคลนในปอด-ฟันหักไม่หัก
แหก! “อลิส” อ้างจนท.เรียกไปรับมือถือคืน “บิ๊กDSI” ส่ายหัว-ยังตรวจไม่เสร็จ
“อนุทิน” พร้อมเคียงข้าง “นายกฯอิ๊งค์” สู้ศึกซักฟอก มั่นใจทำหน้าที่ถูกต้อง
แพทย์ทหารคนแรก รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น ม.มหิดลดี จากผลงานทางการแพทย์ ที่นำมาใช้จนถึงปัจจุบัน
"ทรัมป์" ยาแรง สั่งตาย "ยูเครน" ไม่สำนึก ปากดีเถียงคำไม่ตกฟาก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น