ชมิดต์ย้ำว่าศักยภาพของจีนในการแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่โดยใช้ทรัพยากรน้อยกว่า สะท้อนถึงความจำเป็นที่สหรัฐฯ ต้องเร่งพัฒนาปัญญาประดิษฐ์โอเพนซอร์ส (open-source AI) ให้มากขึ้น พร้อมเรียกร้องให้เพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอไอและโครงการริเริ่มต่างๆ เช่น สตาร์เกต (Stargate) และกระตุ้นให้กลุ่มห้องปฏิบัติการวิจัยชั้นนำแบ่งปันแนวทางการฝึกอบรมของพวกเขา
อนึ่ง ดีปซีกเป็นบริษัทปัญญาประดิษฐ์สัญชาติจีนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2023 และได้เปิดตัวโมเดลล่าสุดอย่างดีปซีก-อาร์1 (DeepSeek-R1) ในเดือนมกราคม 2025 ซึ่งได้รับความสนใจล้นหลามจากทักษะการใช้เหตุผลขั้นสูง โมเดลรุ่นนี้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับระบบปัญญาประดิษฐ์ชั้นนำอย่างแชตจีพีที (ChatGPT) ของโอเพนเอไอ (OpenAI) แต่ใช้ต้นทุนการพัฒนาที่ต่ำกว่ามาก
การเปิดตัวดีปซีก-อาร์1 สร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง อาทิ ไมโครซอฟต์ (Microsoft) เมตา (Meta) และเอ็นวิเดีย (Nvidia) ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อวันจันทร์ (27 ม.ค.) ที่ผ่านมา
ชมิดต์ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาโอเพนซอร์สเพื่อรับมือกับความก้าวหน้าของดีปซีก โดยเรียกร้องให้สหรัฐฯ ส่งเสริมความร่วมมือ พัฒนาโซลูชันปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถในการแข่งขัน และรับมือการเปลี่ยนแปลงของพลวัตการแข่งขันปัญญาประดิษฐ์ระดับโลก
เครดิต: ซินหัว