สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลของทำเนียบขาว หรือ OPM ส่งอีเมลแจ้งเรื่องโครงการสมัครใจลาออกไปยังพนักงานรัฐบาลกลางทั่วประเทศเมื่อวันที่ 28 มกราคม ขณะเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ บอกสำนักข่าว CBS ว่า ทำเนียบขาวคาดหวังว่า พนักงาน ราว 5-10% หรือราว 2 แสนจากทั้งหมด 2 ล้านคน จะเข้าร่วมโครงการนี้ และจะนำไปสู่การประหยัดงบประมาณราว 1 แสนล้านดอลลาร์
ในอีเมลที่ใช้หัวเรื่องว่า ถึงทางแยกต้องตัดสินใจ (Fork in the Road) ส่งผ่านระบบส่งอีเมล์ใหม่ของรัฐบาล แจ้งว่า ประธานาธิบดีต้องการให้พนักงานทุกคน กลับมาทำงานเต็มเวลา รื้อฟื้นความรับผิดชอบ และปฏิรูปกระบวนการจ้างงานมุ่งเน้นที่ความรู้ความสามารถ การปฏิรูปกำลังแรงงานที่มีอยู่จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากใครเลือกอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันต่อไป ก็ไม่มีหลักประกันแน่นอนว่าจะอยู่ในตำแหน่งหรือหน่วยงานเดิม หรือตำแหน่งที่มีอยู่ อาจถูกยกเลิก
พนักงานรัฐบาลกลางที่รับข้อเสนอ ให้ตอบกลับอีเมลด้วยคำว่า resign หรือ ลาออก ภายในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ การลาออกภายใต้โครงการนี้ พนักงานจะได้รับเงินเดือนและสวัสดิการเต็มจำนวน โดยไม่เกี่ยงภาระงานในแต่ละวัน และจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้าทำงานที่สำนักงานเต็มเวลา จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2568
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ให้พนักงานรัฐบาลกลางทุกคนต้องทำงานเต็มเวลาที่สำนักงาน หลังจากที่ผ่านมา มีการใช้วิธีทำงานทางไกลแบบเต็มเวลา หรือสลับเข้าสำนักงาน ต่อเนื่องมาจากช่วงโรคโควิด-19 ระบาด และได้สั่งพักงานพนักงานแบบจ่ายเงินเดือนให้ ก่อนมีข้อเสนอล่าสุดว่าไม่ต้องกลับไปทำงานอีกก็ได้ ถ้ารับข้อเสนอลาออกแบบชะลอออกไปจนถึงกำหนด
โครงการนี้ยกเว้นในกลุ่มพนักงานไปรษณีย์ กองทัพ ตรวจคนเข้าเมืองและพนักงานที่มีความรับผิดชอบด้านความปลอดภัยของชาติ ซึ่งยังไม่มีการระบุแน่ชัดว่าจะเป็นบทบาทใดบ้างที่ลงความเห็นว่าไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้
สำนักข่าว AFP รายงานว่า แนวทางนี้ น่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากวิธีบริหารบริษัทแบบไม่มีประนีประนอมของ อีลอน มัสก์ เพราะเนื้อหาอีเมล์คล้ายกับข้อความที่มัสก์ส่งถึงพนักงานทวิตเตอร์เมื่อครั้งเข้าเทคโอเวอร์ เมื่อปลายปี 2565 โดยแจ้งพนักงานให้ตอบกลับว่าต้องการจะอยู่ต่อ หรือลาออกจากบริษัทที่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น X มหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ ที่บริจาคเงินกว่า 270 ล้านดอลลาร์ ช่วยทรัมป์และรีพับลิกันคนอื่น ๆ ให้ชนะเลือกตั้ง ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำหน่วยงานใหม่ที่มุ่งตัดลดงบรายจ่ายภาครัฐอย่างมหาศาล
นับเป็นมาตรการที่สร้างความตื่นตะลึงล่าสุด ตั้งแต่ทรัมป์รับตำแหน่งเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน พร้อมกับคำประกาศว่า จะนำพารัฐบาลและพนักงานรัฐบาลกลาง เข้ามาอยู่ในเป้าหมายเอียงขวา ไม่เช่นนั้นก็จะเจอกับมาตรการบางอย่าง ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ทรัมป์มีคำสั่งระงับรัฐบาลกลาง จ่ายเงินกู้และความช่วยเหลืออื่น ๆ มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ คำสั่งมีผลบังคับใช้ในบ่ายวันอังคารที่ 28 มกราคมตามเวลาท้องถิ่น แต่ศาลกลางสั่งระงับจนถึงวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์เป็นอย่างน้อย หลังจากที่องค์กรนอกภาครัฐ 7 กลุ่ม ร่วมกันยื่นฟ้องว่า เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ในเวลาต่อมา อัยการรัฐภายใต้การนำของเดโมแครต 20 รัฐ ได้ยื่นฟ้องอีกทางหนึ่งเพื่อหาทางขัดขวางการบังคับใช้คำสั่ง แต่ยังไม่ทันที่คำสั่งรัฐบาลทรัมป์จะมีผล ปรากฏว่า เวบไซต์ เมดิเคด ซึ่งเป็นโครงการประกันสุขภาพสำหรับครอบครัวผู้มีรายได้น้อย และผู้พิการ ไม่สามารถเข้าถึงได้ ทำให้ รอน วีเดน สมาชิกวุฒิสภาออริกอน โพสต์โจมตีบน X ว่า นี่เป็นความพยายามตัดประกันสุขภาพของชาวอเมริกันหลายล้านคนในชั่วข้ามคืน ซึ่งอาจทำให้มีคนตาย ขณะที่ แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงว่า จะแก้ไขเวบไซต์โดยเร็ว ยืนยันว่าการจ่ายเงินจากโครงการนี้จะไม่ได้รับผลกระทบ เธอปกป้องมาตรการแบบฉับไวว่า เป็นความพยายามของทรัมป์ ที่จะทำให้รัฐบาล ดูแลภาษีของประชากรได้เป็นอย่างดี