ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา บนถนนสายบ้านรัตนะไปบ้านชีท่าวังเวิน ต.โนนทอง อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น นายทวีศักดิ์ มูลสุวรรณ กำนันตำบลโนนทอง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน ร่วมกันเข้าเวรยาม คอยอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือชาวบ้านชีท่าวังเวิน ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ถูกน้ำท่วมทั้งหมู่บ้าน จำนวน 54 หลังคาเรือน ประชากร จำนวน 226 คน วัด 1 แห่ง ชาวบ้านต้องใช้เรือสัญจรไปมา
นายทวีศักดิ์ มูลสุวรรณ กำนันตำบลโนนทอง กล่าวว่า น้ำที่ท่วมหมู่บ้านชีท่าวังเวินม.6 นั้น เป็นน้ำที่มาจากจังหวัดชัยภูมิ ไหลมาผสมกับน้ำชีในลำห้วย กลายเป็นน้ำหนุนเอ่อท่วมที่น่า ท่วมหมู่บ้าน ตั้งแต่เย็นวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่บ้านชีท่าวังเวิน ซึ่งอยู่ติดกับลำน้ำชี ถูกน้ำเอ่อท่วมทั้งหมู่บ้าน การไฟฟ้าต้องงดจ่ายกระแสไฟฟ้า ชาวบ้านต้องอาศัยอยู่ในความมืด
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.แวงใหญ่ และผู้นำชุมชนคอยช่วยเหลือชาวบ้าน นำน้ำ นำอาหารไปแจกจ่ายให้ รวมถึงขนสิ่งของของชาวบ้านขึ้นที่สูง และอพยพออกมาอยู่ในที่ปลอดภัย โดยได้รับการสนับสนุนเรือจาก ปภ.จังหวัดขอนแก่นจำนวน 2 ลำ นอกจากนี้ยังมียังมีเจ้าหน้าที่จากสมาคมกู้ภัยขุนพล อ.พล และมูลนิธิส่งเสริมธรรมอุดรธานีนำเรือมาช่วยชาวบ้านในการสัญจรไปมา เนื่องจากในช่วงกลางวัน ชาวบ้านจะกลับไปเฝ้าและดูแลบ้านตัวเอง กลางคืนจะออกมาอยู่ในศูนย์อพยพและอยู่ตามบ้านญาติพี่น้อง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองเข้าเวรยาม ดูแลรักษาบ้านและทรัพย์สินให้
ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ได้รับการประสานจาก นางหนูรัตน์ หนานทองลาง อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98 บ้านชีท่าวังเวินว่า ต้องการอพยพออกจากบ้าน เพราะไม่มีไฟฟ้า น้ำประปาไม่มีใช้หลานชายวัย 5เดือนอยู่ลำบาก จึงต้องการอพยพ ออกไปอยู่บ้านญาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้าน จึงบนำเรือไปช่วยเหลือพาออกมาจากบ้าน
นางหนูรัตน์ กล่าวว่า น้ำเอ่อเข้ามาในหมู่บ้านตั้งแต่เย็นวันที่ 28 กันยายน แต่ไม่คิดว่าจะเอ่อท่วมทั้งหมู่บ้าน จนถูกตัดไฟ ส่วนลูกสาวและหลารนชายวัย 5 เดือนก็อยู่ลำบาก เพราะไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำใช้ จึงจะพาอพยพไปอยู่ที่บ้านปู่ย่า ที่บ้านดอนหัน ต.ใหม่นาเพียง อ.แวงใหญ่จนกว่าสถานการณ์จะปกติ ส่วนบ้านก็ให้สามีเฝ้าและดูแลทรัพย์สินเอาไว้
และจากการสำรวจในหมู่บ้านชีท่าวังเวิน พบว่า น้ำท่วมสูงประมาณ 3 เมตร บ้านชั้นเดียวบางหลังท่วมมิดหลังคา และที่บริเวณเมรุเผาศพ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของหมู่บ้าน ชาวบ้านได้นำสัตว์เลี้ยง รถยนต์และพระสงฆ์ มาอยู่ในจุดดังกล่าว โดยใช้เครื่องยนต์ของรถไถนา ทำการปั่นไฟ เพื่อใช้ไฟฟ้า รวมถึงหากมีสิ่งของมาช่วยเหลือชาวบ้าน ก็จะมารวมกันในจุดดังกล่าว.
ภาพ/ข่าว นิติกรณ์ ฝางมาลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดขอนแก่น