ส่วนตัวเต็งที่ได้รับการคาดหมายว่าจะได้รับเลือกตั้งเป็นนายกอบจ. เชียงใหม่ คือ นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ จากพรรคประชาชน และนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง จากพรรคเพื่อไทย
สำหรับนายพันธุ์อาจ ถือเป็นผู้สมัครที่พรรคส้มที่บรรดาแกนนำหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้รับเลือกตั้งเป็นนายกอบจ. เชียงใหม่ เพราะเชื่อมั่นในกระแสการเลือกตั้ง สส.เมื่อครั้งที่ผ่านมาที่พรรคส้มสามารถกวาดได้ 7 ที่นั่งจาก 10 เขต
นายพันธุ์อาจมีประวัติการทำงานที่ไม่ธรรมดา จบปริญญาเอก สาขาเศรษฐศาสตร์นวัตกรรม ส่วนประวัติการทำงานเคยดำรงตำแหน่งอาทิ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ,กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โนวิสเคปคอนซัลติ้งกรุ๊ป จำกัด ,ผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศและพัฒนานักนโยบาย สำนักงานพัฒนานโยบายสาธารณะ ,ที่ปรึกษา สถาบันบัณฑิต บริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ
ส่วนนโยบายหาเสียง อาทิ 1.สร้าง “ชีวิตดีๆ ตั้งแต่วัยเยาว์ ด้วยการพัฒนา STEAM School (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม ศิลปะ แบะคณิตศาสตร์) ที่เน้นการเรียนรู้แบบบูรณาการ
2. ส่งเสริม “ชีวิตดีๆ” สำหรับ ผู้สูงวัย ลังคนรุ่นใหญ่” เช่น สร้างโอกาสในการทำงาน และสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางสังคม รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อให้ผู้สูงอายุในเชียงใหม่สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณค่า
3. สร้าง “ชีวิตดีๆ” ด้วยงานที่มั่นคง เช่น พัฒนาทักษะแรงงาน สนับสนุนการประกอบอาชีพอิสระ และธุรกิจ SME กิจการเพื่อสังคม และ Startup เพื่อสร้างรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน ทั้ง 25 อำเภอ
มาที่นายพิชัย หรือ สว.ก๊อง จากพรรคเพื่อไทยที่มาคราวนี้นายทักษิณ ชินวัตร ประกาศลั่นจะไม่ยอมเสียพื้นที่เมืองหลวงของพรรคเพื่อไทยให้แก่พรรคส้มอย่างเด็ดขาด โดยนายพิชัย อดีตนายกอบจ. เชียงใหม่ ถือเป็นสายตรงของตระกูลชินวัตร อย่างแท้จริง เป็นอดีตทนายความที่ผ่านมามีประวัติการทำงานมากมาย อาทิ ที่ปรึกษากฎหมายสหกรณ์การเกษตรดอยหล่อ เชียงใหม่, สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดเชียงใหม่, ประธานคณะกรรมาธิการแรงงานและสวัสดิการสังคมวุฒิสภา และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่
ขณะที่นโยบายหาเสียงของนายพิชัย คือ 1.สร้างเชียงใหม่ ให้เป็น “เมืองแห่งโอกาส” อาทิ ให้เด็กเชียงใหม่เรียนรู้ 4 ภาษา(ภาษาไทย อังกฤษ จีน คอมพิวเตอร์) , 2.ศูนย์กลาง AI สร้างคน สร้างงาน สร้างเศรษฐกิจ มุ่งสู่ อบจ.AI (AI-driven Government) พัฒนาบุคลากร อบจ. ให้ใช้ AI เป็น และบริหารจัดการองค์กร ได้อย่างแม่นยำ, 3. ให้เชียงใหม่ศูนย์กลางการจัดอีเวนต์ทุกระดับ ทุกรูปแบบ ระดับภูมิภาค และระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น งานแสดงดอกไม้ , ศิลปวัฒนธรรม , ดนตรี , กีฬาระดับนานาชาติ ฯลฯ
สำหรับสนามเชียงใหม่ถือว่ามีการต่อสู้กันค่อนข้างดุเดือดระหว่างพรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย โดยตัวแปรสำคัญ คือ นายทักษิณ เนื่องจากยังมีความนิยมในตัว พรรคเพื่อไทยจึงต้องใช้นายทักษิณมาช่วย ในการเรียกความนิยมพรรค เพื่อเรียกคืนฐานเสียง
ส่วนข้อแตกต่างในการลงพื้นที่หาเสียงของทั้งสองพรรค คือ เพื่อไทย ให้นายทักษิณ ขึ้นเวทีปราศรัยโดยเน้นพูดถึงผลงานในอดีต เป็นส่วนใหญ่และสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม และการจัดการปัญหาเหล่านั้น ส่วนเรื่องการพัฒนาจะพูดถึงจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับการเลือกตั้ง อบจ.เล็กน้อยเท่านั้น
ขณะที่พรรคประชาชน เน้นพูดถึงความสำคัญของการกระจายอำนาจ ปรับรูปแบบ อบจ.ให้มีการบริหารงานทให้มีความโปร่งใสขึ้น ซึ่งเป็นนโยบายกลางที่ใช้กับ อบจ.ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นน้ำประปาดื่มได้ ระบบสาธารณสุข ระบบขนส่งมวลชน โดยเน้นบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น