นักวิเคราะห์เศรษฐกิจหลายสำนัก ให้ความเห็นอย่างแพร่หลายไปในทิศทางเดียวกันว่า “สงครามการค้ารอบใหม่” ที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา เตรียมจะเปิดฉากกับคู่ค้าเพื่อกอบกู้ความยิ่งใหญ่ให้กับคนอเมริกันภายใต้นโยบาย “America First Trade Policy” จะไม่เหมือนกับช่วงที่เขารับตำแหน่งครั้งแรก ประหนึ่งว่านับแต่บัดนี้เป็นต้นไปสหรัฐฯ จะไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบอีกต่อไป “หมูไป-ไก่มา” ต้องแลกกันสินค้าต่อสินค้า ดอลล่าร์ต่อดอลล่าร์ ต้องเป็นการค้าที่เป็นธรรม ทุกประเทศที่ทำให้สหรัฐขาดดุลจำนวนมหาศาล เช่น จีน เม็กซิโก แคนาดา เวียดนาม และอาจจะรวมถึงม้านอกสายตาอย่างประเทศไทยก็มีโอกาสสูงเช่นกัน จะต้องหยิบยื่นสินค้าหรือเงื่อนไขที่จะอำนวยความสะดวกทางการค้าให้ทั้งสองฝ่ายมาแลกเปลี่ยนกันอย่างยุติธรรม เพื่อสร้างสหรัฐฯให้เต็มไปด้วยความมั่นคง ปลอดภัย มีความยุติธรรม ความเจริญรุ่งเรืองและเสรีภาพ
แม้ขณะนี้สหรัฐพุ่งเป้าไปที่ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก ทั้งจีน เยอรมัน แคนาดา และเม็กซิโกที่มีพรมแดนติดกัน ไทยเองอาจจะรับรู้สัญญาณเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ มาบ้างแล้ว ที่จะมุ่งกดดันให้ไทยเปิดตลาดสินค้าเกษตรหลายรายการโดยเฉพาะเนื้อหมูและเนื้อไก่ ที่สหรัฐมีความได้เปรียบไทยด้านต้นทุนเนื่องจากเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์สำคัญของโลกทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และถั่วเหลือง อีกทั้งรัฐบาลสหรัฐยังมีนโยบายอุดหนุนภาคเกษตรและภาคปศุสัตว์ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของตัวเองให้แข็งแกร่งในเวทีโลก
หากประเทศไทยจะต้องแลกเปลี่ยนกับสหรัฐฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในฐานะที่ไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารสัตว์ชั้นนำระดับโลก โดยเฉพาะด้านคุณภาพและความปลอดภัยทางอาหาร ก็น่าจะถึงเวลาที่สหรัฐฯ ต้องเปิดตลาดให้กับอาหารสัตว์ของไทยอย่างยุติธรรม ทั้งในเรื่องราคาและปริมาณนำเข้าภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกันอย่างเท่าเทียมกัน (a level playing field) เพื่อให้ไทยแข่งขันกับผู้ผลิตในสหรัฐฯ ได้