เปิดใจ 'สุพิศ พิทักษ์ธรรม' อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงฯ ผู้สมัครหมายเลข 5 จากทีมสงขลาพลังใหม่ คว้าชัยนายก อบจ.สงขลา ด้วยคะแนนท่วมท้น พร้อมพลิกฟื้นบ้านเกิดด้วย 5 นโยบาย ให้ยั่งยืน

เปิดใจ ‘สุพิศ พิทักษ์ธรรม’ คว้าชัยนายก อบจ.สงขลา ด้วยคะแนนท่วมท้น พร้อมพลิกฟื้นบ้านเกิดด้วย 5 นโยบาย ให้ยั่งยืน – Top News รายงาน

ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงฯ ผู้สมัครหมายเลข 5 จากทีมสงขลาพลังใหม่ ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา ด้วยคะแนน 290,040 เสียง นำคู่แข่งกว่า 156,000 คะแนน พร้อมผลักดัน 5 นโยบายพัฒนาบ้านเกิด นำคู่แข่งห่างกว่า 156,000 คะแนน

โดยอันดับ 2 คือ นายประสงค์ บริรักษ์ หมายเลข 3 จากทีมสงขลาเข้มแข็ง อดีตผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ได้คะแนน 133,656 คะแนน และอันดับ 3 นายนิรันดร์ จินดานาค หมายเลข 2 จากพรรคประชาชน อดีตข้าราชการครูดีเด่น ได้คะแนน 94,700 คะแนน ทั้งนี้มี จำนวนบัตรดี 572,496 บัตร , จำนวนบัตรเสีย 28,593 บัตร , จำนวนบัตรไม่เลือกผู้ใด 86,855 บัตร

ด้าน นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวท็อปนิวส์ ถึงชัยชนะที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ นับเป็นปรากฎการณ์ใหม่ แห่งวงการการเมืองท้องถิ่น ชัยชนะที่ได้มานับเป็นกำลังใจที่ดียิ่ง ต้องขอขอบคุณพี่น้องชาวสงขลาทุกคนที่ไว้วางใจ และลงคะแนนเสียงให้ตน ทุกคะแนนเสียงของทุกท่าน จะเป็นพลังในการขับเคลื่อนในการทำหน้าที่ต่อไป

หากทาง กกต.รับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อใด ตนและทีมงานก็จะลงมือทำงาน ในตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาทันที กับนโยบายหลัก 5 ด้าน ประกอบด้วย เมืองสะอาด เมืองสุขภาพ เมืองปลอดภัย เมืองทันสมัย และเมืองศูนย์กลางของภาคใต้

ข่าวที่น่าสนใจ

เจาะสนามเลือกตั้ง : ศึกชิงนายกอบจ.สงขลา “สุพิศ-ประสงค์” เบียดสู้ดุเดือด

“สุพิศ พิทักษ์ธรรม” ยิ้มรับ คะแนนนำสูงกว่าคนอื่น ขึ้นแท่นว่าที่นายก อบจ.สงขลา คนใหม่

“สุพิศ” ขอบคุณชาวขลา ไว้วางใจทำหน้าที่ “นายกอบจ.” พร้อมเดินหน้าพัฒนาท้องถิ่นตามคำประกาศทันที

ทั้งนี้ นายสุพิศ กล่าวเสริมว่า สิ่งที่ทำให้ตนตัดสินใจลงสมัคร นายกอบจ. เพราะมีความคิดความอ่านว่า ชีวิตที่ผ่านมา จ.สงขลา มีนายก อบจ.หลายคน แต่ด้วยวิธีคิดของตน และด้วยประสบการณ์การทำงานและด้วยอะไรหลายอย่าง ที่สร้างสมมาตั้งแต่เป็น ซี 1 สั่งสมทักษะมาจนเป็นผู้บริหาร ถ้าไม่มุ่งมั่นตั้งใจ ตำแหน่งอธิบดีไม่ได้เป็นกันง่ายๆ ต้องผ่านอะไรมาเยอะแยะมากมาย ตนจึงตัดสินใจลาออก เพื่อมาเปลี่ยนแปลงบ้านเกิดของตัวเอง เพื่อต้องการสร้างบ้านหลังนี้ ห้เป็นบ้านหลังใหม่ ซึ่งเชื่อมั่นว่า ทำได้ และจะทำสำเร็จ

นอกจากนี้ นายสุพิศ ยังกล่าวถึงผลการลงคะแนนเสียงในช่องไม่เลือกผู้ใด ซึ่งมีจำนวนมากถึง 86,855 บัตร นับเป็นยอดจำนวนที่สูงเป็นประวัติการณ์

โดยนายสุพิศ กล่าวเพียงสั้นๆว่า เหตุการณ์นี้มีนัยสำคัญ แต่เชื่อว่าวิญญูชนคนทั่วไป ก็อาจจะวิเคราะห์ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตนไม่ขอก้าวล่วง และเคารพทุกการตัดสินใจของประชาชน ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กลัวหรือไม่ว่าหลังจากนี้ อาจจะเจออุปสรรค หรือวิบากกรรมทางการเมือง ซึ่งอาจจะมีกลุ่มบุคคลฝั่งตรงข้าม ไปร้องเรียนให้ตรวจสอบ ไม่ว่าเรื่องหนึ่งเรื่องใด

นายสุพิศ ยิ้มรับและกล่าวว่า ไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องการร้องเรียน และไม่มีความวิตกกังวลใดๆ เมื่อใดที่เราคิดดี พูดดี และทำดี ตัวเองเท่านั้นที่ย่อมรู้ดี และเมื่อใดที่มีคนร้องเรียน เราทำได้เพียงไปชี้แจงข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม จุดเริ่มต้นจะต้องมีหลักของการดำเนินชีวิต จะต้องอยู่ในพื้นฐานของความเป็นจริง และไม่ควรคิดอะไรที่เกินเหตุ และผลทางหลักวิทยาศาสตร์ กล่าวคือ ต้องมองชีวิตของตนอยู่บนพื้นฐานความจริง

สำหรับประวัติ นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม พื้นเพที่เป็นคน บ้านปะโอ ต.ม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา สำเร็จการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จังหวัดสงขลา และรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

เส้นทางการทำงานในกรมชลประทาน นายสุพิศไต่เต้าตั้งแต่ระดับ ซี 1 จนถึงระดับซี 9 ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักเครื่องจักรกล จากนั้นได้ย้ายไปเป็นรองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จนได้เป็นอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ทำหน้าที่อยู่ 2 ปี จึงเห็นว่าจังหวัดสงขลาควรจะได้รับการเปลี่ยนแปลง จึงตัดสินใจลาออกมา เพื่อลงชิงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา