ถึงคิว “อียู” ทรัมป์ เปิดวอร์-“ปูติน”เหน็บ ไม่นานก็อยู่แทบเท้า”ทรัมป์”

"ปูติน" เชื่อ "ผู้นำยุโรป" ที่ทำท่าขึงขังต่อต้าน"ทรัมป์" อีกไม่นานโดนจัดการอยู่หมัด สุดท้ายจะยอม"ศิโรราบ" เชื่อฟังคำสั่งแต่โดยดี ขณะ "อียู" จวก" ทรัมป์" เปิดศึก ขู่รีดภาษี กร้าว พร้อมตอบโต้ หากโดนจ้องเล่นงาน

ประธานาธิบดี ปูติน ให้สัมภาษณ์กับ “พาเวล ซารูบิน” ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ Russia-1 เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปกับสหรัฐ ภายใต้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าสหภาพยุโรป หรือ อียู รับสัญญาณทางการเมืองจากรัฐบาลวอชิงตันเสมอมา และจะทำเช่นนั้นต่อไป แม้ว่า ผู้นำอียูบางคน ออกมาแสดงท่าทีคัดค้านทรัมป์ หลังชนะเลือกตั้ง แต่ปูตินเชื่อว่า ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ จะฟื้นฟูความเป็นระเบียบเรียบร้อย และยุโรป จะเชื่อฟังอย่างรวดเร็ว

ปูติน กล่าวว่า เป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว ที่ยุโรปขาดนักการเมืองเข้มแข็ง ที่มีศักยภาพรวบรวมความคิดเห็นอย่างเป็นอิสระจากรัฐบาลอวชิงตัน ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึง ยุคของประธานาธิบดี ฌาค ชีรัค ของฝรั่งเศส และ นายกรัฐมนตรี แกร์ฮาร์ด ชโรเดอร์ แห่งเยอรมนี ที่หลายปีมานี้ นโยบายยุโรปอยู่ใต้การกำกับของ ตัวเล็กตัวน้อยทางการเมือง ที่ขาดความรอบรู้และความสามารถ  คนเหล่านี้รับคำสั่งจากประมุขวอชิงตัน ภายใต้ โจ ไบเดน ด้วยความยินดี.. แต่เกิดความงุนงนสับสน เมื่อทันใดนั้น ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งเมื่อพฤศจิกายน … พวกเขาไม่ชอบ และคัดง้างกับทรัมป์อย่างแข็งขัน เนื่องจาก ทรัมป์มีแนวคิดแตกต่างออกไปว่า อะไรดี อะไรเลว เช่น นโยบายด้านเพศสภาพที่ยุโรปไม่ชอบ  ถึงอย่างนั้น เขามั่นใจว่า ด้วยบุคลิกและความดึงดันของทรัมป์ … ทุกอย่างจะเข้ารูปเข้ารอยอย่างรวดเร็ว ผู้นำยุโรปทั้งหมด จะอยู่แทบเท้าของเจ้านายและเชื่อฟังอย่างนอบน้อม

ผู้นำยุโรปหลายคน แสดงความวิตกเกี่ยวกับการกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของทรัมป์ ที่ชูนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ขู่จัดเก็บภาษีสินค้าจากอียู การวิจารณ์อียูว่า จัดงบประมาณด้านการป้องกันประเทศสนับสนุนนาโตน้อยเกินไป  ตลอดจน เรียกร้องให้เปลี่ยนแนวทางในสงครามยูเครน

 

 

หลังจากแสดงความยินดีกับทรัมป์ ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส และ โอลาฟ ชอลซ์ ผู้นำเยอรมนี เรียกร้องให้อียู ดำเนินการในลักษณะที่เป็นเอกภาพ เพื่อรับมือกับการกลับมาของทรัมป์ แม้ว่า จนถึงขณะนี้ ทรัมป์ยังไม่เคยออกคำสั่งฝ่ายบริหารที่พุ่งเป้าอียูโดยตรง แต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ ยืนยันว่า มีแผนจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอียูเช่นกัน

ขณะที่ คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (EU) วิจารณ์การเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจาก แคนาดา เม็กซิโก และจีน ของ ทรัมป์ โดยระบุว่า การกระทำดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อการค้าโลก และเป็นผลเสียต่อทุกภาคส่วน พร้อมให้คำมั่นว่า จะตอบโต้หาก EU ตกเป็นเป้าหมาย

สื่อท้องถิ่น รายงานคำกล่าวของ โฆษก EU ถึงความเป็นไปได้ที่ สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีสินค้าจาก EU ว่า EU จะตอบโต้อย่างจริงจัง ต่อคู่ค้ารายใดก็ตามที่เรียกเก็บภาษีสินค้าจากเราอย่างไม่เป็นธรรม หรือ โดยพลการ ความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนของเรากับสหรัฐนั้น มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จึงมีความเสี่ยงมากมาย”

นับตั้งแต่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 EU พยายามสนับสนุนให้ทั้ง 2 ฝ่าย ทำงานร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกที่มีอยู่เดิม และทุ่มเทความพยายามในการหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ ผ่านการเจรจา อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ได้ย้ำแผนของเขาอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า เขาจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจาก EU “อย่างแน่นอน” ตอกย้ำความไม่พอใจของเขา เกี่ยวกับการขาดดุลการค้าของสหรัฐต่อ EU รวมไปถึง การที่เขามองว่า EU นำเข้ารถยนต์และสินค้าเกษตรจากสหรัฐ น้อยเกินไป

อย่างไรก็ดี ทรัมป์ ไม่ได้ระบุว่า เขาจะเก็บภาษีในอัตราเท่าใด หรือ เมื่อใด เขากล่าวกับ นักข่าวว่า คงบอกเวลาชัด ๆ ไม่ได้ แต่มันจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้”
ทรัมป์ กำลังพิจารณาใช้มาตรการบางอย่าง เพื่อแก้ปัญหาขาดดุลการค้ากับอียู ถึง 350,000 ล้านดอลลาร์ เห็นได้ชัดว่า จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นที่นั่น สหรัฐ ถูกหลอกลวงจากแทบทุกประเทศในโลก

ทั้งนี้ บลูมเบิร์ก รายงานว่า ทรัมป์ เคยขู่เก็บภาษีนำเข้าจาก EU มาแล้วก่อนหน้านี้ และมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (31 ม.ค.) ที่เขาประกาศว่า จะเก็บภาษี EU อย่างแน่นอน ขณะที่ EU ก็ยืนยันที่จะตอบโต้หากทรัมป์เรียกเก็บภาษีจริง

 

 

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ไม่ได้กล่าวถึงการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหราชอาณาจักร โดยกล่าวว่า ความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหราชอาณาจักร ก็เป็นประเด็น แต่ตนคิดว่า เราสามารถแก้ไขได้ และว่า เขาเข้ากับนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษ ได้ดีมาก

ทรัมป์ กำลังพิจารณาใช้มาตรการบางอย่างกับสหภาพยุโรป เพื่อแก้ปัญหาขาดดุลการค้า 350,000 ล้านดอลลาร์ เห็นได้ชัดว่า จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นที่นั่น สหรัฐ ถูกหลอกลวงจากแทบทุกประเทศในโลก

ส่วนความเคลื่อนไหว ของ เซเลนสกี ผู้นำของยูเครน ล่าสุด อ้างว่า วอชิงตัน จัดหาเงินช่วยเหลือทางการทหารและความช่วยเหลือประเภทอื่น ๆ แก่เคียฟ เป็นมูลค่ากว่า 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้น โดยเขาไม่ทราบว่า คำกล่าวของทรัมป์ ที่ระบุว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นั้น ไปเอามาจากไหน หรือว่า เงินช่วยเหลือดังกล่าว อาจหายไป

 

 

ทรัมป์ กล่าวเมื่อเดือนที่แล้ว ว่า เราใช้เงินมากกว่าสหภาพยุโรปถึง 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เราโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ ด้าน เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ก็อ้างถึงตัวเลขดังกล่าวเช่นกัน เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ว่า “ตอนนี้เราใช้เงินไปแล้ว 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ แต่เป้าหมายคืออะไร … เรากำลังพยายามบรรลุเป้าหมายอะไรอยู่หรือ”

นบทสัมภาษณ์กับ AP ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ เซเลนสกี ยืนกรานว่า ยูเครน ได้รับเงิน ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนนั้นเลย

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เซเลนสกี กล่าว่า เมื่อมีคนกล่าวหา ยูเครน ได้รับเงิน 200,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนกองทัพในช่วงสงคราม นั่นไม่เป็นความจริง ตนไม่รู้ว่าเงินทั้งหมดนั้นไปอยู่ที่ไหน  บางทีอาจเป็นเรื่องจริงบนกระดาษ ตามโครงการต่าง ๆ มากมายหลายร้อยโครงการ ตนจะไม่เถียง และเราก็ซาบซึ้งใจอย่างยิ่งสำหรับทุกสิ่ง แต่ในความเป็นจริง เราได้รับเงินแค่ 76,000 ล้านดอลลาร์ นั่นถือเป็นความช่วยเหลือที่สำคัญ แต่ไม่ใช่ 200,000 ล้านดอลลาร์

เซเลนสกี ยังยืนกรานด้วยว่า เขาเห็นเงินจริง ๆ น้อยมาก เนื่องจาก เงินช่วยเหลือมากกว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ มาในรูปแบบความช่วยเหลือทางทหารโดยตรง และว่า ยังมีโครงการด้านมนุษยธรรมอื่น ๆ อีกมากมายที่ตนไม่ทราบ ยกเว้นแต่ว่า ทราบถึงการมีอยู่ของโครงการเหล่านั้น บางที ฝ่ายบริหารของทรัมป์ อาจตรวจสอบโครงการเหล่านี้ และค้นพบเงินเพิ่มเติมอีกหลายพันล้านดอลลาร์ แต่ตนไม่ทราบจริงๆ ว่าเงินเหล่านั้นไปอยู่ที่ไหน

มาตรการแรกๆของทรัมป์ หลังจากเข้ารับตำแหน่ง คือ การระงับความช่วยเหลือต่างประเทศ เป็นเวลา 90 วัน เพื่อทบทวนแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของรัฐบาลของเขา พร้อมทั้งให้คำมั่นว่า จะให้ความสำคัญกับ “อเมริกาต้องมาก่อน” การตัดงบประมาณ ส่งผลกระทบต่อแผนริเริ่มที่เกี่ยวข้องกับเคียฟหลายโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การได้รับทุนจาก สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ หรือ USAID

 

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ USAID ปิดใช้งานไปแล้ว และบัญชี X ของ USAID ก็หายไป ท่ามกลางรายงานข่าว ที่ว่า ทำเนียบขาว กำลังพิจารณาควบรวมหน่วยงานนี้ เข้ากับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลสหรัฐ (DOGE) ซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ ภายใต้การนำของ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla และ SpaceX มีรายงานว่า เขาได้ส่งเจ้าหน้าที่ ไปตรวจสอบกิจกรรมของ USAID แล้ว

“มัสก์” โพสต์ วิจารณ์ USAID อย่างรุนแรง ว่า เป็นองค์กรอาชญากรรม ถึงเวลาแล้วที่มันจะต้องหายไป ส่วน ทรัมป์ กล่าวว่า หน่วยงานนี้ ถูกควบคุมโดยกลุ่มคนหัวรุนแรง และเราจะกำจัดพวกเขาออกไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ราชกิจจาฯ ประกาศ โปรดเกล้าฯ โผทหารกลางปี 306 นาย
ป.ป.ช. แจงรับคำร้อง 81 สว. สอบเอาผิดม.157 "ทวี- อธิบดี DSI" ไว้พิจารณาเป็นขั้นตอนปกติ
"ทวี" โผล่ร่วมงานศพไว้อาลัย "ผกก.โจ้"
"นฤมล" นำทีมติดตามคืบหน้าก่อสร้าง "อ่างเก็บน้ำวังโตนด" จันทบุรี ยันแก้ปัญหาทุกมิติ มุ่งเป้าเพิ่มรายได้เกษตรกรทั่วปท.
"ม้าเหล็ก" พุ่งชนรถกระบะคารางรถไฟ ดับสลด 4 ราย บาดเจ็บ 6 ราย
"อนันตชัย" จัดประชุมขับเคลื่อนงานมุ่งสู่การพัฒนาประเทศ 21 มี.ค.นี้
รัสเซียยึด”ซัดซา” หมู่บ้านสำคัญในคูสค์คืนจากยูเครนแล้ว
"จนท.3 ฝ่าย" คุมเข้มหลังคนร้ายก่อเหตุป่วน 3 ชายแดนใต้ รับวันสถาปนา BRN ครบรอบ 65 ปี
นายกฯ ย้ำพร้อมชี้แจงศึกซักฟอก มองฝ่ายค้านแฟร์ดี ตัดชื่อ “ทักษิณ” ออก
"ธรรมนัส" ยันชัด 10 เสียง สส.ฝ่ายค้าน พร้อมหนุนนายกฯรับศึกซักฟอก "ก.เกษตรฯ" เตรียมข้อมูลร่วมชี้แจง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น