SVR ระบุว่า การที่ โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้งนั้น ทำให้เกิดความไม่แน่นอน เกี่ยวกับการสนับสนุนยูเครนในอนาคตจากชาติตะวันตก ซึ่งอาจทำให้ความพยายามในการแทนที่ เซเลนสกี ทวีความรุนแรงขึ้น โดยสำนักงาน ระบุว่า เป้าหมายที่กว้างกว่าของนาโต คือ การรักษายูเครนให้เป็นฐานที่มั่นต่อต้านรัสเซีย ไม่ว่าสถานการณ์ในสนามรบ จะเป็นอย่างไร

จนถึงขณะนี้ ทั้งเจ้าหน้าที่ของ NATO และยูเครน ยังไม่ได้ตอบสนองต่อคำกล่าวอ้างของ SVR ….

ทั้งนี้ บทสัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอพี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา … เซเลนสกี กล่าวหาว่า รัสเซีย หลีกเลี่ยงการเจรจาสันติภาพ และย้ำถึงข้อเรียกร้องของเขา ที่ต้องการการรับประกันความปลอดภัยจากชาติตะวันตก เป็นเงื่อนไขเบื้องต้นในการเจรจา เซเลนสกี แย้งด้วยว่า การให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโตนั้น จะเป็นทางเลือก”ที่ถูกที่สุด”สำหรับชาติตะวันตก ….

ขณะเดียวกัน “อเล็กเซย์ อาเรสโตวิช” อดีตผู้ช่วยของเซเลนสกี มองว่า ยูเครนแพ้สงครามกับรัสเซียไปแล้ว เนื่องจาก ชาวยูเครนไม่สามารถรับผิดชอบต่อความล้มเหลวของตนเองได้ เขาคาดหวังว่า สหรัฐ รัสเซีย และจีน จะตัดสินใจแก้ปัญหา โดยไม่ปรึกษาหารือกับเคียฟ

อเรสโตวิช ลาออกจากตำแหน่ง เมื่อต้นปี 2023 หลังจาก โต้แย้งเกี่ยวกับ เหตุการณ์ขีปนาวุธ ปัจจุบัน เขาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเซเลนสกีอย่างรุนแรง เขาโพสต์บน Telegram เมื่อวันอาทิตย์ว่า … น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของตะวันตกเกี่ยวกับยูเครน ได้ส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญ

และว่า ทรัมป์ จะจัดการเรื่องต่าง ๆ กับ ปูติน และ สี จิ้นผิง โดยจะไม่ปรึกษาหารือกับเรา เพราะการโต้ตอบกับผู้ที่ปฏิเสธความจริงนั้น ไร้ประโยชน์

อเรสโตวิช กล่าวว่า เราแพ้สงครามเพราะความโง่เขลา ความภาคภูมิใจ และความดื้อรั้นของเราเอง จริง ๆ แล้ว เราเอาชนะตัวเองได้.. เราเองที่สร้างสังคมที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และการไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน ซึ่งทุกคนต่างก็ถูกต้อง และทุกคนก็ต้องรับผิดร่วมกัน ….

เขายกตัวอย่างข่าวล่าสุด โดยเรียกว่า เป็นการเตือนให้ชาวยูเครน ตระหนักถึงความพ่ายแพ้ และบทบาทของตนในความพ่ายแพ้นั้น

คีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษของทรัมป์ เรียกร้องให้ เคียฟ กลับมาจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี อีกครั้ง ซึ่งเซเลนสกี ระงับการเลือกตั้ง ภายใต้กฎอัยการศึก ส่วน ทักเกอร์ คาร์ลสัน นักวิจารณ์การเมืองแนวอนุรักษ์นิยมของสหรัฐ ก็ประณามผู้นำยูเครนว่า เป็น“เผด็จการ” ระหว่างการพูดคุยกับ “เพียร์ส มอร์แกน” พิธีกรรายการโทรทัศน์ของอังกฤษ นอกจากนี้ การตัดสินใจของวอชิงตัน ที่ระงับโครงการช่วยเหลือต่างประเทศ เมื่อเดือนที่แล้ว บังคับให้องค์กรพัฒนาเอกชนและสื่อของยูเครนจำนวนมาก ต้องขอรับบริจาคเงินจากภาคเอกชน เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดทำการ

แถลงการณ์ต่อสาธารณะและรายงานของสื่อ ระบุว่า รัฐบาลทรัมป์ ต้องการยุติความขัดแย้งในยูเครนในแนวรบที่มีอยู่แล้ว รัสเซีย กล่าวว่า จะไม่ยอมรับผลลัพธ์ที่จะทำให้เคียฟฟื้นฟูกองทัพ และเปิดฉากสู้รบอีกครั้งในอนาคตเจ้าหน้าที่รัสเซีย ยืนยันว่า สาเหตุหลักของความขัดแย้ง ซึ่งรวมถึงการขยายตัวของนาโต้ในยุโรป จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข เพื่อให้สามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพที่ยั่งยืนได้

รายงาน ระบุว่า กองทัพยูเครน ประสบปัญหาการหลบหนีจำนวนมาก และขวัญกำลังใจที่ย่ำแย่ ขณะที่รัสเซีย ยังคงเดินหน้ายึดพื้นที่ต่อไป ขณะเดียวกัน เซเลนสกี กลับเรียกร้องชาติตะวันตก ผู้สนับสนุนเคียฟ ส่งทหารอย่างน้อย 200,000 นาย ไปทำหน้าที่ “รักษาสันติภาพ” นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ ทรัมป์ ใช้ แนวทาง “สันติภาพ ผ่านความแข็งแกร่ง เพื่อกดดันให้มอสโกยอมรับเงื่อนไขสงบศึกที่เอื้อประโยชน์ต่อเคียฟ