BBC และรอยเตอร์สรายงานว่าเมื่อวานนี้ (พุธที่ 5 กพ.) จีนได้ยื่นเอกสารร้องเรียนไปยัง WTO หนึ่งวันหลังจากมาตรการตั้งกำแพงภาษีจีนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีผลบังคับใช้เมื่อวันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ โดยเอกสารร้องเรียนของจีนชี้แจงว่าข้อกล่าวหาของทรัมป์ที่กล่าวหาจีนว่าปล่อยให้มีการลักลอบขนยาเฟนทานิลจากเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐอย่างผิดกฎหมายเป็นการกล่าวหาที่ไม่ถูกต้องและเลื่อนลอย โดยยืนยันว่าจีนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
นอกจากนี้จีนยังกล่าวหาสหรัฐว่าเลือกปฎิบัติ กีดกันการค้าและละเมิดกฎองค์การการค้าโลก
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการร้องเรียนของจีนไม่น่าจะมีผลอะไร เนื่องจากคณะทำงานด้านการระงับข้อพิพาทยังไม่สามารถปฏิบัติงานได้ โดยปฏิบัติงานไม่ได้มาตั้งแต่ปี 2562 แล้วหลังหน่วยงานเรื่องการรับเรื่องอุทธรณ์ของ WTO ถูกยุบไปและคณะผู้พิพากษาตัดสินมีเหลือไม่ถึง 3 คน ทำให้ตัดสินไม่ได้ ซึ่งในยุครัฐบาลทรัมป์หนึ่งและรัฐบาลของไบเดน สหรัฐได้สกัดไม่ให้มีการแต่งตั้งผู้พิพากษาใหม่ขึ้นมาแทน โดยให้เหตุผลว่าคณะตุลาการของ WTO ใช้อำนาจเกินขอบเขต ซึ่งตามกฎคณะตุลาการไม่สามารถปฏิบัติงานได้หากมีไม่ถึง 3 คน
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ลงนามคำสั่งให้เก็บภาษีสินค้านำเข้าแคนาดาและเม็กซิโก 25% แต่ได้ชลอการเก็บออกไป 1 เดือน ส่วนจีนโดนภาษี 10% และให้มีผลบังคับใช้ทันที 4 กุมภาพันธ์ โดยอ้างว่าจีนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการไหลทะลักของเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐและได้เปรียบการค้าสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีการขู่อียูว่าจะเป็นรายต่อไป ซึ่งคำสั่งของทรัมป์ได้สร้างความหวาดวิตกและแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก รวมทั้งสหรัฐเอง เนื่องจากทำให้เกิดความไม่แน่นอน ส่งผลให้นักธุรกิจสั่งระงับการลงทุน และเริ่มขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ล่าสุดบริษัทเชียร์เท็กซ์ ผู้ผลิตถุงยักษ์ใหญ่ของแคนาดาได้ประกาศปลดพนักงานเป็นการชั่วคราว 40% หรือเกือบ 350 คน เพื่อลดค่าใช้จ่ายหลังถูกเก็บภาษี