ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการป.ป.ช. แถลงข่าวถึงกรณีนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวในที่ประชุมอนุกรรมาธิการแผนบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ที่มีการประชุมพิจารณางบประมาณแผนบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2 กรม คือ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมทรัพยากรน้ำ ว่ามีอนุกรรมาธิการ บางคนโทรศัพท์เรียกเงิน 5 ล้านบาท แลกกับการผ่านงบประมาณให้นั้น ล่าสุดป.ป.ช.ได้มีการสั่งตั้งอนุกรรมการไต่สวน นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย และนางนันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์
โดยจากการไต่สวน นายนายศักดิ์ดาให้ข้อมูลว่านายอนุรักษ์ได้เรียกรับเงินทางโทรศัพท์ โดยมีนางนันทนาเป็นผู้โทรศัพท์ประสานงาน ทั้งนี้จากการไต่สวนและการเช็คข้อมูลจากโทรศัพท์ ช่วงระยะเวลาที่มีการโทร เจือสมพยานหลักฐาน จึงเชื่อได้ว่านายอนุรักษ์ ได้เรียกรับเงินจากนายศักดิ์ดาจริง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 ประกอบ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 123/5 ฐานเรียกรับ ยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อตัวเองโดยไม่ชอบ และยังเป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตราฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ โดยหลังจากนี้ในส่วนของความผิดทางจริยธรรม ป.ป.ช.จะยื่นคำร้องไปยังศาลฎีกาโดยตรง ส่วนคดีอาญาจะยื่นคำร้องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป
ขณะที่ นายอนุรักษ์ ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตนเพิ่งทราบข่าวจากสื่อมวลชน ถือเป็นเรื่องที่เร็วมาก ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ยื่นแก้ข้อกล่าวหาไปแล้วและมีพยานบุคคล แต่ ป.ป.ช.กลับไม่เรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้อง เหมือนเป็นการฟังความฝ่ายเดียวแล้วชี้มูล ดังนั้นตนจะนำประเด็นนี้ไปร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการไต่สวน ของ ป.ป.ช. อีกทั้งยืนยันว่าตนไม่ได้เรียกรับเงิน ตามที่ ป.ป.ช. กล่าวหา แต่ยอมรับว่าเบอร์โทรศัพท์ ที่ถูกใช้เป็นหลักฐานว่านำไปโทรหาอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลนั้น เป็นเบอร์ของผมจริง แต่ไม่ใช่เสียงของตน ตนไม่ได้เรียกเงินเขาอยู่แล้ว เพราะมี ส.ส. คนหนึ่งนำโทรศัพท์ไปใช้โทรพูดคุยกับอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลต่อ หลังจากที่ตนได้คุยเรื่องเอกสาร ดังนั้นถ้ามีหลักฐานว่าตนเรียกรับเงินจริง ก็ควรเอาคลิปเสียงมาเปิดว่า มีการเรียกรับเงินอย่างไร ตอนนี้ตนยังไม่เคยเห็นคลิปเสียงที่มีการกล่าวอ้างด้วยซ้ำ อยู่ๆก็มีชี้มูล ส่วนประเด็นที่ว่าตนเรียกรับเงินแลกกับการผ่านงบประมาณนั้น ขอถามกลับว่าตนมีอำนาจตัดงบประมาณได้อย่างไร เพราะการพิจารณางบประมาณเป็นอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร