ชาวบ้านโวย! “ว้า” ใช้กำลังไล่ยึดที่-ขโมยต้นยาง ก่อสร้างสำนักงานให้ตัวเอง

นี่ทหารหรือโจร! “กองกำลังว้า” บุกตัดต้นยางพาราบนที่ดินประชาชน สร้างสำนักงานให้ตัวเอง ชาวบ้านโวยลั่น ถูกยึดที่ไม่เป็นธรรม-แถมไม่ได้รับการชดเชย

Top news รายงาน สร้างวีรกรรมไม่เว้นแต่ละวัน ไม่รู้ว่าถูกฝึกกันมาแบบนี้ทุกคนหรือไม่ สำหรับกองกำลังว้า ล่าสุด เพจมองการเมืองพม่า เปิดเผยว่า ว้า ถูกชาวบ้านร้องเรียน หลังสั่งตัดต้นยางพาราบนที่ดินของประชาชน ในเมืองหัวป่าง รัฐฉานเหนือ เพื่อก่อสร้างสำนักงาน โดยไม่มีการตกลงชดเชยที่ชัดเจน ท่ามกลางเสียงคัดค้านของชาวบ้าน ที่ยังทำมาหากินบนที่ดินดังกล่าว

แหล่งข่าวท้องถิ่นเผยว่า การตัดต้นยาง ดำเนินมาต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 แม้ที่ดินยังอยู่ระหว่างการเจรจา กับทางการฝ่ายปกครองว้า ชาวบ้านบางราย พยายามสอบถามเหตุผล แต่ได้รับคำตอบเพียงว่า เป็นคำสั่งจากผู้ใหญ่ให้ตัด

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยพื้นที่ที่ถูกตัดต้นยาง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ของสนามฟุตบอลเมืองหัวป่าง ครอบคลุม 11 แปลง รวมประมาณ 2 เอเคอร์ โดยทางการอ้างว่า เตรียมจัดสรรที่ดินทดแทนให้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัด ว่าจะให้ที่ไหน หรือมีค่าชดเชยเพิ่มเติมหรือไม่ ชาวบ้านรายหนึ่งบอกว่า “พวกเขาบอกว่า จะให้ที่ดินใหม่แทน แต่เป็นที่แถบป่า เราไม่รู้ว่า มันเหมาะกับการทำกินไหม และจะให้เมื่อไหร่ ทุกอย่างยังคลุมเครือ”

ชาวบ้านหลายคนยืนยันว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินดั้งเดิมของครอบครัว และยังคงเป็นแหล่งทำกินสำคัญ หากถูกยึดไป โดยไม่มีการชดเชยอย่างเหมาะสม พวกเขาจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก ชาวบ้านบอกว่า “นี่เป็นที่ดินของบรรพบุรุษเรา เราไม่ได้ปฏิเสธการพัฒนาเมือง แต่ต้องให้การเจรจาเสร็จสิ้นก่อน ไม่ใช่บังคับเอาไปดื้อๆ มันแสดงให้เห็นว่าคุณเผด็จการต่อประชาชน”

สำหรับเมืองหัวป่าง กำลังถูกปรับโฉมครั้งใหญ่ หลังโครงการพัฒนาเมืองใหม่กว่า 3,000 เอเคอร์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ยุคสภาบริหารแห่งรัฐ ถูกนำกลับมาดำเนินการอีกครั้ง โดยมีการก่อสร้างโรงแรม คาสิโน สปา และศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น หลังนักลงทุนจีนหลั่งไหลเข้ามา เมืองหัวป่างก็กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจ ที่ใช้เงินหยวน และภาษาจีนเป็นหลัก ทำให้ชาวบ้านบางส่วน เริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง ที่ส่งผลต่อวิถีชีวิตของพวกเขา

ประชาชนในพื้นที่เรียกร้องให้กองกำลังว้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาแสดงความโปร่งใสในการดำเนินการ ไม่ใช่แค่ตัดต้นไม้ และยึดที่ดินไป โดยที่ชาวบ้านไม่มีสิทธิ์มีเสียง

เมืองหัวป่าง ซึ่งเดิมอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลเมียนมา ได้เปลี่ยนมือ หลังจากการโจมตีของกองกำลังสามพี่น้องพันธมิตร ประกอบด้วย MNDAA, AA, และ TNLA ในปฏิบัติการ 1027 ระลอกแรก ส่งผลให้เมืองนี้ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของกองกำลัง MNDAA

ต่อมา MNDAA ได้ส่งมอบการปกครองเมืองหัวป่าง ให้กับกองกำลังว้า ซึ่งเข้ามาควบคุมเมืองอย่างสมบูรณ์ ทำให้หัวป่าง กลายเป็นพื้นที่ภายใต้อิทธิพลของว้า อย่างสมบูรณ์ นับแต่นั้นเป็นต้นมา ประชากรหลักของเมืองนี้ มีหลากหลายกลุ่ม เช่น ไทใหญ่ จีนฮ่อ ว้า คะฉิ่น เมียนมา

เรียกว่ารุกราน รุกคืบเค้าไปทั่ว ทั้งในบ้านเมืองของตัวเอง รวมถึงทะลึ่งมารุกล้ำดินแดนไทยของเราด้วย โดย รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช นายกสมาคมภูมิภาคศึกษา และอาจารย์สาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความที่ทำให้คนไทยตาสว่างอีกครั้ง ระบุว่า พบฐานทหารว้าแดงล้ำแดน ที่จังหวัดเชียงใหม่

ตลอดแนวชายแดนไทย-พม่า ตรงจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พบฐานทหารว้าแดง ล้ำแดนเข้ามาในแผ่นดินไทยประมาณ 9 จุด โดยเมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว ผมไปตรวจจุดภูมิประเทศจริง ซึ่งพบฐานทหารว้าแดง ตั้งล้ำเข้ามาตรงเขตชายแดนด้านอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งได้แก่ ดอยหนองหลวง และดอยหัวม้า ต่อมาในวันที่ 26-27 มกราคม 68 ผมได้เดินทางร่วมกับคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ไปยังอำเภอเวียงแหง และอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบเรื่องฐานทหารว้าแดง และสถานการณ์ชายแดนโดยรวม

 

ทั้งนี้ ตรงบริเวณที่ไม่ไกลนักจากช่องหลักแต่ง หมู่บ้านเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง มีหน่วยกองร้อย ของหน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ ตั้งตรวจตราพิทักษ์แนวเขตแดนไทยอยู่ ในพื้นที่แถบนั้น (ฐานปฏิบัติการบ้านแปกแซม หมวดทหารม้าที่ 13 กองร้อยทหารม้าที่ 1) ได้รายงานว่า มีฐานทหารว้าแดง ที่ล้ำแดนไทย ตรงดอยกิ่วช้างกั๊บ ตลอดจนดอยไฟ และดอยถ้วย โดยหน่วยในพื้นที่ได้ทำการประท้วงทางการพม่าไปแล้ว ตามช่องทางกลไกที่มีอยู่ในระดับท้องถิ่น จึงรอแต่คำสั่งจากหน่วยงานระดับสูงอีกที ว่าจะมีแนวทางจัดการปัญหานี้อย่างไร

จากการได้เห็นภูมิประเทศจริง ผมเห็นว่าทหารว้าแดงนั้น ตั้งฐานปฏิบัติการรุกล้ำเข้ามาค่อนข้างชัดเจนในฝั่งไทย เพราะตั้งฐานคร่อม หรือพ้นเลยจากแนวสันเขา สันปันน้ำ ในลักษณะที่เข้าลึกมาทางฝั่งไทย และหากยืนจากฝั่งไทยแล้ว เราจะสามารถมองเห็นฐานทหารว้าแดงได้แบบชัดเจน ประกอบกับชื่อดอยต่างๆ เช่น ดอยกิ่วช้างกั๊บ ดอยไฟ และดอยถ้วย ก็เป็นชื่อที่มาจากภาษาไทย หรือภาษาถิ่นภาคเหนือ (ไม่ใช่ภาษาว้า หรือภาษาพม่า)

ครับ เรื่องว้าแดง เราคงต้องรอดูว่า รัฐบาลและกองทัพไทย จะมีวิธีการอย่างไร ในการโน้มน้าวกดดันให้ว้าแดง ถอนทหารออกจากแผ่นดินไทย ณ วันนี้ ว้าแดงมีทั้งการตั้งฐานในชัยภูมิ แบบสูงข่ม คุมต้นน้ำบางสาย ที่ไหลไปหล่อเลี้ยงราษฎรไทย ว้าแดงยังมีรายได้มหาศาลจากการค้าหลากหลายรูปแบบ และมีกลุ่มกองกำลังที่โด่งดัง ขึ้นชื่อในเรื่องของการผลิตฝิ่น เฮโรอีน และยาเสพติด

เกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการปกป้องอธิปไตยของรัฐไทย ทำไมจึงปล่อยให้ว้าแดงล้ำแดนไทย และสร้างผลกระทบต่อสังคมไทยได้ถึงขนาดนี้ จึงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน ช่วยติดตามสถานการณ์ และแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไปครับ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

DSI หารือ 3 หน่วยงาน แบ่งภารกิจคลี่ปม "ตึกสตง." ถล่ม
จนท.นำรถแบคโฮเคลียร์พื้นที่ ทำทางขึ้นรถเครนยักษ์ เพื่อนำร่างผู้สูญหายที่เหลือออกมา
"นฤมล-ธรรมนัส" ร่วมต้อนรับ "วีระพงษ์" นายกอบจ.มุกดาหาร สมัครสมาชิก พรรคกล้าธรรม มั่นใจอนาคตเลือกตั้งสนามใหญ่
"เสธหิ" พูดกระแทกใจ "อันที่สุดของไทยนั้นคือชาติ หากพินาศแล้วใครอยู่ได้หนอ"
สาวสุดช็อก จองตั๋วเครื่องบินไป จ.สกลนคร ราคาสูงทะลุ 1.4 หมื่นบาท
เกาหลีใต้จ่อเพิ่มการนำเข้าก๊าซ LNG จากสหรัฐ
สิงคโปร์ชี้สหรัฐทำลายระบบการค้าเสรีที่สร้างมากับมือ
เกาหลีใต้ประกาศเลือกตั้ง 3 มิถุนายน
อั้นไว้ก่อน ค่อยเติม พรุ่งนี้น้ำมันลด "เบนซิน-แก๊สโซฮอล์" ทุกชนิด ปรับราคาลง
“ปลัดฯแรงงาน” เผยจ่ายชดเชยลูกจ้างเสียชีวิต “ตึกสตง.ถล่ม” แล้ว กว่า 19 ล้าน พร้อมดูแลสิทธิผู้บาดเจ็บ ว่างงานเต็มที่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น