สำนักข่าวอิรวดีรายงานว่าพันเอกหม่องชิตตู ผู้นำกองกำลัง BGF ได้ให้สัมภาษณ์กับ BBC เมียนมาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (11 กพ.) แสดงความไม่พอใจหลังถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ของไทยยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อออกหมายจับพร้อมกับแกนนำกลุ่ม BGF อีกสองคนคือพันโทโมเต โธนและพันตรีทินวิน ในข้อหาค้ามนุษย์กรณีลักพาตัวชาวอินเดียไปบังคับทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมียวดี ซึ่งอยู่ติดพรมแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตากของไทย
โดยหม่องชิตตูได้ตั้งคำถามผ่าน BBC ว่า “ผมไปทำอะไรให้ประเทศไทย ตำรวจไทยถึงได้พยายามออกหมายจับ หรือว่าผมไปก่อกบฎล้มล้างรัฐบาบไทยหรือไง”
แก๊งหลอกลวงคอลเซ็นเตอร์ที่เมียนมาผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดตามแนวพรมแดนไทยนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมียนมาในปี 2564 โดยเฉพาะที่เมืองเมียวดี ซึ่งหม่องซิตตูหัวหน้ากองกำลัง BGF ถูกกล่าวหาอยู่เบื้องหลังและเป็นตัวการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงและลักพาตัวชาวต่างชาติหลายคนมาบังคับทำงานที่นี่
อย่างไรก็ตาม หม่องชิตตูบอกกับ BBC เมียนมาว่า BGF ได้สร้างคุณงามความดีมากมายโดยได้ช่วยกวาดล้างแก๊งค้ามนุษย์ ทั้งยังช่วยเหลือและส่งเหยื่อกลับประเทศได้จำนวนมาก แต่คุณงามความดีของ BGF กลับไม่มีใครรายงาน และว่าความพยายามของรัฐบาลไทยในการออกหมายจับทำให้ตัวเขาและ BGF ตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงและเขารู้สึกแย่มากในเรื่องนี้
ขณะที่พันโทนายมองจ่อ โฆษก BGF ได้ให้สัมภาษณ์กับอิรวดีในคำพูดคล้ายๆกัน โดยตั้งคำถามว่า “BGF ทำความผิดอะไรให้เมืองไทย จึงได้พยายามออกหมายจับพวกเรา” พร้อมยืนยันว่า “พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด”
BGF ยังอ้างด้วยว่านอกจากไม่ได้ทำอะไรผิดแล้ว หม่องชิตตูยังได้จัดตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อดำเนินการกวาดล้างเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมียวดีซึ่งเป็นพื้นที่ในความดูแลด้วย
