ส่วนความคืบหน้าการตัดไฟฟ้า สัญญาณอินเตอร์เน็ต และงดส่งน้ำมันไปยังกัมพูชานั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ไปขั้นนั้น โดยขอเวลาดำเนินการในส่วนที่มีมาตรการไปก่อนหน้านี้ก่อน ส่วนที่ตนเดินทางไปตรวจบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา ที่ จ.สระแก้ว นั้น ก็ไปดูว่า หากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีการย้ายฐาน จากฝั่งพม่า กลับไปอยู่ที่เดิมคือ ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตนก็ขอดูว่าจะเตรียมรับมืออย่างไร ซึ่งขณะนี้เตรียมตัดสัญญาณต่าง ๆ ไว้หมดแล้ว … ส่วนจะใช้มาตรการเดิมที่ใช้กับฝั่งพม่าหรือไม่ ไม่สามารถคิดแทนเขาได้ว่าจะมาแบบไหน … อีกอย่าง สถานการณ์ชายแดนฝั่งกัมพูชา ก็ไม่เหมือนกับทางพม่า

เมื่อถามย้ำว่า หากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ายฐานจากพม่าไปกัมพูชา จะป้องปรามอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีหาก ถ้าเจอจริงค่อยว่ากัน ซึ่งไทยเตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว พร้อมรับมือและจัดการ เห็นได้จากการประกาศซีลชายแดน ก็ดำเนินการเป็นขั้นตอนมา ซึ่งผลที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็ถือว่าดี รวมถึง ทูตประเทศต่าง ๆ ก็มาขอบคุณไทย ขณะที่ ชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ ก็ประกาศว่า จะไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี

อย่างไรก็ดี นายภูมิธรรม ปฏิเสธตอบคำถาม ถึงแผนดำเนินการส่งกลับ เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประมาณ 7,000 คน โดยบอกว่า พูดไปก็เยอะแล้ว ส่วนจะไปรับด้วยตัวเองหรือไม่ ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ และยืนยันว่า ขั้นตอนการส่งตัวกลับมา จะไม่รับเข้ามาทันที ต้องมีกระบวนการคัดกรอง และมีประเทศรองรับเรียบร้อย เราถึงจะปล่อยเข้ามา เราจะไม่เปิดให้ชายแดนไทยเป็นศูนย์อพยพอีก นอกจากนี้ อยากให้ดูที่การกระทำ เพราะหลายคนวิจารณ์ว่า การประกาศออกไปนั้น เป็นการเล่นละครตบตา … ซึ่งเราก็ทำให้ดูแล้ว รวมถึง เอาข้าราชการ ออกจากพื้นที่ และตั้งกรรมการตรวจสอบ … ทุกอย่างก็ดำเนินการหมดแล้ว ดังนั้น ขออย่าถามเพื่อให้เขาคิดต่อ และเตรียมรับมือกับเราเลย ให้รอดูผลจะดีกว่า

เมื่อถามย้ำว่า แผนการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งนี้ จะทำให้ลดลงและหมดไปหรือไม่ นายภูมิธรรม ย้ำว่า รัฐบาลประกาศชัดเจนแล้ว และเป็นไปตามสิ่งที่ดำเนินการไป อีกทั้ง ตนจะลงพื้นที่ตลอดภายใน 6 เดือนนี้