โฮฟมันกล่าวว่าการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมขยายตัวอย่างรวดเร็วในแง่ของจำนวนเหยื่อ ขอบเขตทางภูมิศาสตร์ และความสูญเสียทางการเงิน และขยับขยายจากระดับภูมิภาคสู่ภัยคุกคามผู้คนทั่วโลก โดยสำนักงานฯ ประมาณการว่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจต่อปีจากการฉ้อโกงดังกล่าวในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ระหว่าง 2-4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.73 แสนล้านบาท-1.44 ล้านล้านบาท)
โฮฟมันกล่าวว่าการใช้ลูกเล่นซับซ้อน อาทิ การนำปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอมาใช้ร่วมกับการก่ออาชญากรรมข้ามพรมแดน ก่อให้เกิดความท้าทายมากขึ้นสำหรับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในแต่ละประเทศ โดยกลุ่มอาชญากรได้ใช้ประโยชน์จากโลกออนไลน์เพื่อปฏิบัติการในประเทศหนึ่ง และมุ่งเป้าไปยังเหยื่อในอีกประเทศหนึ่ง หรือแม้กระทั่งข้ามทวีป ทำให้การชี้ตัวเครือข่ายอาชญากรที่อยู่เบื้องหลังเป็นเรื่องยากมาก
ความท้าทายเหล่านี้ทำให้การปฏิบัติการฝ่ายเดียวของแต่ละประเทศไม่เพียงพอ ซึ่งโฮฟมันย้ำว่าการแบ่งปันข้อมูล การประสานงานปฏิบัติการตอบโต้ของตำรวจ หรือความช่วยเหลือและความร่วมมือทางกฎหมายซึ่งกันและกันในประเด็นอาญา ล้วนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกลุ่มประเทศในภูมิภาคและนอกภูมิภาคที่ต้องร่วมมือกันและค้นหาวิธีรับมือ
โฮฟมันเน้นย้ำบทบาทของสำนักงานฯ ในการเป็นสะพานลดช่องว่างเพื่อช่วยเหลือนานาประเทศเสริมสร้างกฎหมาย สร้างศักยภาพการบังคับใช้กฎหมาย และส่งเสริมความร่วมมือพหุภาคี พร้อมชี้ว่าความร่วมมือล่าสุดระหว่างจีนและอาเซียน ซึ่งรวมถึงไทยและเมียนมา ได้สร้างแรงผลักดันสำคัญให้กับความพยายามระหว่างประเทศ
โฮฟมันกล่าวว่าจีนได้ให้การสนับสนุนที่สำคัญแก่ประเทศอื่นๆ ในการปราบปรามทั้งอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม พร้อมทั้งแนะนำว่าแนวทางของจีนในการจัดการกับการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม ซึ่งรวมถึงมาตรการป้องกันเชิงรุก อาจมอบประสบการณ์ล้ำค่าแก่ประเทศอื่น
โฮฟมันกล่าวสำทับว่าจีนได้รับผลกระทบจากปัญหานี้อย่างมากเป็นระยะเวลานานแล้ว และประสบการณ์ของจีนอาจส่งมอบข้อเสนอแนะแก่ประเทศอื่นในภูมิภาคซึ่งกำลังรับมือกับปัญหานี้ โดยสำนักงานฯ เห็นถึงการประสานงานด้านปฏิบัติการและแรงสนับสนุนมากมายจากจีนสู่นานาประเทศในภูมิภาค
โฮฟมันเผยว่าแม้ความตระหนักรู้ในภูมิภาคเกี่ยวกับการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและผลกระทบจะเพิ่มขึ้น แต่ลักษณะของอาชญากรรมเหล่านี้ที่มีความซับซ้อนและพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ส่งผลให้บทบาทและประสบการณ์ของจีนมีความจำเป็น
ทั้งนี้ โฮฟมันกล่าวทิ้งท้ายว่าสิ่งที่เราหวังจะได้เห็นมากขึ้นในอนาคตคือความพยายามของกลุ่มประเทศในภูมิภาคที่ขยายวงกว้างขึ้นนอกเหนือจากการรับมือของตำรวจ หรือความพยายามเร่งด่วนในการปิดศูนย์ปฏิบัติการ และพิจารณาว่าปัญหานี้จะสามารถแก้ไขในวงกว้างได้อย่างไร
เครดิต: ซินหัว