“นายกฯ” ผุดไอเดียจ่อทำเอฟทีเอกับทุกประเทศในยุโรป หวังทำการลงทุนของไทยสะดวกขึ้น

"นายกฯ" ผุดไอเดียจ่อทำเอฟทีเอกับทุกประเทศในยุโรป หวังทำการลงทุนของไทยสะดวกขึ้น

Top news รายงาน วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ ห้อง Ballroom 1 ชั้น 1 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ หนังสือพิมพ์มติชน และมติชนออนไลน์ จัดสัมมนา “Matichon Leadership Forum 2025 Trust Thailand : เชื่อมั่นประเทศไทย”

 

โดยเวลา 10.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “เชื่อมั่นประเทศไทย” ว่า ตลอดปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้เผชิญปัญหาและความท้าทายต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจที่ยังไม่ค่อยดีมากนัก เงินในระบบที่ยังไม่พอ ยังฝืดเคืองอยู่มาก แต่ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วนทำให้เราได้สัญญาณที่ดีมาก ๆ คือ เมื่อปลายปีที่แล้วเรามีเศษฐกิจ มีตัวเลขจีดีพีของปี 2567 ขยายตัวขึ้น 2.5 เปอร์เซ็นต์ ขยายตัวขึ้นจากที่เราวางไว้คือ 2 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ปี 2566 จะเห็นได้ว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศก็ขยายตัว เห็นได้ชัดที่สุดคือจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเกิดขึ้นจากการฟรีวีซ่าที่เราได้ประสานกับหลายๆ ประเทศเพื่อให้การเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นไปได้ง่ายขึ้น มีความเชื่อมั่นว่าเมื่อเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้วจะมีความปลอดภัย โดยสิ่งนี้จะทำให้เราสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นจากทั่วโลก

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า สำหรับในปี 2568 เราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำให้จีดีพีเติบโตขึ้นที่ 3 เปอร์เซ็นต์ โดยมีแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการใช้จ่ายของภาคประชาชนที่มีแนวโน้มจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาครัฐก็มีส่วนช่วยในเรื่องนี้คือการใช้งบลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งตนได้เรียกทุกภาคส่วนมาพูดคุยกันว่างบต่างๆ ที่เราได้นั้นต้องทำให้เกิดการลงทุนโดยเร็วที่สุดเพื่อให้เกิดการจ้างงาน ซึ่งจะทำให้มีเงินในระบบหมุนเวียนมากขึ้น ฉะนั้น เราจะต้องทำให้เกิดการลงทุนให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม การนำตัวเลขจีดีพีของประเทศไทยไปเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียนตามที่ปรากฎเป็นข่าว ที่มีอัตราที่ต่ำนั้น ไม่ได้มีการดูรายละเอียดภายในหรือภายนอกของประเทศประกอบกัน ที่เห็นได้ชัดคืออุตสาหกรรมของประเทศที่เราไม่ได้มีการพัฒนามายาวนานแล้ว ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านได้พัฒนามาโดยตลอด เช่น ที่เวียดนามที่มีการพัฒนาคนในเรื่องของการเขียนซอฟต์แวร์

 

 

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจก็ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากธนาคารยังปล่อยกู้ไม่มากพอ โดยเฉพาะกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงส่งผลให้เกิดความฝืดเคืองทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับในกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งมีอยู่กว่า 75 เปอร์เซ็นต์ถือเป็นส่วนที่ใหญ่มาก และเมื่อเอสเอ็มอีเหล่านี้ไม่สามารถมีสินเชื่อหรือกู้เงินเพื่อนำมาพัฒนาธุรกิจของเขาได้ เราก็จะมีอุตสาหกรรมที่ดั้งเดิมที่ยังไม่สามารถขยายตัวได้มากนัก จึงต้องขอความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน สำหรับในส่วนของภาครัฐเอง ขณะนี้งบประมาณของภาครัฐเองก็ยังไม่เพียงพอ รายได้ส่วนใหญ่ที่รัฐบาลได้จะถูกใช้ไปในเรื่องของงบประจำเป็น ฉะนั้น การจะเหลือเงินเพื่อนำมาลงทุนขนาดใหญ่ก็เหลือน้อยเต็มที ซึ่งเมื่อตนเข้ามาก็พยายามที่จะบอกทุกคนว่าให้รัดเข็มขัดในเรื่องงบประมาณ แต่เราต้องทำให้เกิดการลงทุนควบคู่กันไปด้วยนั่นคือการทำให้เม็ดเงินเกิดประโยชน์สูงสุด ถือเป็นสิ่งที่ต้องทำให้สมดุลที่สุด ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคตแน่นอน

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อย่างที่บอกว่างบที่ลงทุนไปได้จ่ายเป็นรายจ่ายประจำเป็นส่วนใหญ่ จึงมีข้อจำกัดในการลงทุน เพดานกู้ก็แทบจะไม่เหลือแล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหาร แม้จะมีปัญหาแต่แน่นอนว่าเราก็พยายามที่จะหาทางออกในมุมต่างๆ เพื่อที่จะทำให้เงินทุกบาททุกสตางค์ถูกใช้ไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ก็ยังไม่มีการทำการตลาดที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทยและดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากพอ เพราะเมื่อไม่มีการลงทุนจากต่างประเทศ หรือเม็ดเงินจากต่างประเทศไม่เข้ามา การขยับของจีดีพีก็เป็นไปได้ยากขึ้น เราทราบดีว่าปัญหาเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการแก้ไข ฉะนั้น จะเห็นได้ว่าตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จะมีความพยายามในการดึงดูดเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามา ซึ่งเป็นส่วนที่รัฐบาลทำได้ร่วมกับบีโอไอ อย่างไรก็ตาม ต้องทำให้เกิดความเชื่อมั่นก่อนเพื่อที่จะทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนมากยิ่งขึ้น และมีตัวเลขที่บีโอไอเสนอเข้ามาที่จะทำให้เห็นได้ชัด คือการที่จะทำให้ยอดการตลาดและการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 35 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 1.14 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 5% ของจีดีพี พร้อมเร่งให้เม็ดเงินเหล่านี้เข้าสู่ระบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราขยับและเห็นผล รวมถึงมาตรการอื่นๆ เช่น สินเชื่อเพื่อเอสเอ็มอี การดึงอุตสาหกรรมใหม่เข้าสู่ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงเช่นนี้ จะเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถเติมเงินครั้งใหญ่ให้กับเศรษฐกิจของประเทศเราได้

 

 

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า นอกจากการเติมเงินแล้วยังจะเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถฟื้นตัวและเริ่มต้นใหม่ได้ สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลเล็งเห็นว่ามีความสำคัญอย่างมากคือ การสร้าง Man-made destination เพื่อดึงดูดสถานที่ใหม่ใหม่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งตอนนี้มีการแพลนกันอยู่ในเรื่องการสร้าง Man-made destination ในทุกจังหวัดให้ต่อเนื่องกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นจังหวัดหลักเท่านั้น เป็นเมืองรองด้วย เพราะอยากให้ทุกจังหวัดเกิดการท่องเที่ยว โดยจะใช้ซอฟต์พาวเวอร์ในการที่จะสนับสนุนเทศกาลต่างๆ นี่เป็นแพลนที่รัฐบาลกำลังคิดอยู่และเมื่อเห็นผลเมื่อไหร่จะรีบรายงานให้ประชาชนทราบ เราไม่อยากให้มีโลว์ซีซั่น เพราะอยากให้ทุกเดือนของประเทศไทยสามารถเที่ยวได้

นายกฯ กล่าวว่า เราจะต้องนำมาตรการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึง แนวทางการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบในทุกส่วนซึ่งจะสามารถช่วยยกระดับเศรษฐกิจของประเทศให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต เรามีทั้งมาตรการที่เป็นระยะเร่งด่วน ซึ่งรัฐบาลได้มีการพูดคุยและขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ที่ตอนนี้มีกำไรเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่อง โดยการปล่อยกู้ให้กับคนไทยได้มีเครดิตเพื่ออัปเกรดธุรกิจของตัวเอง รวมถึงการให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาลดดอกเบี้ยเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามารถทำได้เพราะเงินเฟ้อยังน้อยอยู่

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการลงทุนในอนาคตซึ่งเป็นอุตสาหกรรมในอนาคตที่ประเทศของเรามองเป็นเป้าหมายไว้ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า รถอีวีต่างๆ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ หรืออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่จะเป็นหลักฐานดิจิทัลต่อไปในอนาคต โดยในส่วนนี้เราพยายามที่จะวางตัวให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ซึ่งคนที่จะมาประดิษฐ์รถอีวีต่างๆ ก็สามารถที่จะมาวางรากฐานการผลิตที่ประเทศไทยได้ แม้ตอนนี้จะมีโรงงานของหลายประเทศเริ่มทยอยเข้ามาแล้ว เราจะต้องปรับเปลี่ยนเรื่องของธุรกิจเป็นอีวีมากขึ้น โดยเราจะต้องดูในเรื่องของพลังงานสีเขียวควบคู่ไปด้วย เพราะธุรกิจแห่งอนาคตก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องใช้พลังงานอย่างมาก ฉะนั้น พลังงานสีเขียวจะทำให้ทั่วโลกเล็งเห็นด้วยว่าเรากำลังจะก้าวต่อไปกับอุตสาหกรรมในอนาคต

 

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า ในปี 2567 ประเทศไทยได้รับการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัลสูงเป็นอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวน์เซอร์วิส จากบริษัทชั้นนำทั้งสหรัฐอเมริกา จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น อินเดียและออสเตรเลีย รวมเงินลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท และล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนก็เพิ่งอนุมัติการลงทุนของติ๊กต็อก มีเอ็นวีเดีย คลาวน์พาร์ทเนอร์ กว่า 1.3 แสนล้านบาท ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่เรามีบริษัทยักษ์ใหญ่จากทั่วโลกเข้ามาลงทุนกับเรา และเราจะต้องทำให้ประเทศไทยมีความเชื่อมั่นต่อไปในเรื่องนี้ เพื่อที่การลงทุนต่างๆ จะได้เป็นไปอย่างราบรื่น

 

 

ที่สำคัญขณะนี้คือเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อไทยลาวจีน เชื่อมโยงกรุงเทพฯ กับหนองคาย ซึ่งเมื่อรถไฟเส้นนี้เสร็จลงแล้วก็จะจะช่วยให้ลดระยะเวลาในการขนส่งได้บ้าง รวมถึงจะลดต้นทุนการขนส่งสินค้า เมื่อต้นทุนถูกผู้ประกอบการก็มีโอกาสที่จะทำกำไรได้เพิ่มขึ้น แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นรถไฟหรือทางเชื่อมใหม่ๆ ก็จะทำให้มีทราฟฟิกของการเข้ามาในประเทศนั้นๆ มากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น มีอาชีพใหม่เพิ่มขึ้น แน่นอนว่าประชาชนจะมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีการผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ฝั่งอ่าวไทยและอันดามันต่อไป เพื่อจุดประสงค์คือการลดระยะเวลาในการขนส่งสินค้า ซึ่งหากโครงการนี้เกิดขึ้นจริง นอกจากจะสามารถลดระยะเวลาขนส่งสินค้าได้แล้ว ยังสามารถประหยัดต้นทุนได้ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตนได้ไปเยือนประเทศจีนมา รัฐบาลจีนก็บอกว่าสนับสนุนพร้อมทั้งขอข้อมูลเพิ่ม และยังสนใจการลงทุนด้วย โดยเราจะต้องทำงานต่อ

 

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เราพร้อมที่จะรับฟังทุกความคิดเห็นแม้จะเห็นต่าง เพราะเราไม่อยากแก้ปัญหาแค่ระยะสั้น เช่น เรื่องน้ำท่วมที่เราได้มีการเบิกค่าเยียวยาทุกปี ซึ่งการเยียวยาถือเป็นเรื่องที่ดีแต่จะดีกว่าหากไม่เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น ฉะนั้น ตนจึงคิดว่าหากเรามองเห็นภาพใหญ่ว่าเรายอมลงทุนมากหน่อย แล้วต่อเนื่องให้จบ ประชาชนในพื้นที่นั้นก็อาจจะไม่ต้องประสบปัญหาในส่วน นี่ถือเป็นการลงทุนอีกด้าน ที่แม้เราจะรัดเข็มขัดแล้ว แต่เราก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนในเรื่องของการลงทุนว่าเราจะลงทุนอย่างไรที่โครงสร้างแล้วไม่ทำให้ประชาชนลำบากอีกหลายปี

นอกจากนี้ เราก็ยังให้ความสำคัญในการที่คนไทยจะไปลงทุนต่างประเทศด้วย โดยเราได้ทำเอฟทีเอ ซึ่งถือเป็นเอฟทีเอฉบับแรกของไทยกับยุโรป แม้จะไม่ทุกประเทศในยุโรปแต่ก็มี 4 ประเทศแล้ว และในอนาคตก็หวังว่าจะได้ทำเอฟทีเอกับทุกประเทศในยุโรปเพื่อเปิดช่องทางให้การลงทุนของประเทศไทยเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกมากยิ่งขึ้น อีกหนึ่งนโยบายที่สำคัญคือการผ่านทางสินค้าการเกษตรให้มีมูลค่าสูง รัฐบาลได้เน้นย้ำไปที่การทำวิจัยต่างๆ เพื่อให้เกิดการผลิต การแปรรูปและการบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้สินค้าสามารถอยู่ได้นานขึ้นมีคุณภาพที่สูงขึ้นตามความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

 

 

 

ส่วนนโยบายที่รัฐบาลจะทำเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนให้ประชาชน เข่น การเปิดโครงการคุณสู้ เราช่วย ที่จะมุ่งช่วยเหลือในเรื่องของหนี้สินเชื่อบ้าน ธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็ก โดยตัวเลขในการแก้ปัญหาหนี้สิน ครัวเรือนและผู้ประกอบการขนาดย่อยตั้งแต่ยุคนายเศรษฐา มีประมาณ 8.3 แสนบัญชี ซึ่งทำให้ลูกหนี้รายย่อยเหล่าน

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

อบจ.สงขลา ร่วมพิธีทางศาสนาและทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องวันคล้ายวันพระราชสมภพ "กรมสมเด็จพระเทพฯ" และวันอนุรักษ์มรดกไทย
“อธิบดีกรมโยธาฯ” เผยอาคารที่สั่งปิดใช้งาน 34 แห่งทั่วไทย ยันไม่อันตราย ขอปชช.อย่าตื่นกลัว
"กรมโยธาธิการและผังเมือง" เปิดเวทีภาคเหนือ ระดมความเห็นทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนผังนโยบายระดับประเทศ
คณะกรรมการและผู้บริหารองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ร่วมแสดงความยินดีกับ นางจงกลนี แก้วสด รองผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย (สายบริหาร) ในโอกาสได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย
"พิพัฒน์" นั่งหัวโต๊ะ เคาะมาตรการเยียวยา "แรงงานไทย-ต่างด้าว" เหตุแผ่นดินไหวตึก สตง.ถล่ม
"ตร.ไซเบอร์" ร่วมธ.กสิกรไทย เปิดปฏิบัติการ "ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน" อายัดเงินส่งคืนเหยื่อแก๊งคอลฯ 2 ราย
"มนพร" กำชับตรวจคุณภาพวัสดุก่อสร้างอาคาร "สนามบินนราฯ" แจ้งผลใน 3 วัน ป.ป.ช.ลุยสอบเหตุ "ซีไอเอส" ปล่อยงานล่าช้า
"ดีเอสไอ" บุกตรวจ "ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10" สนง.ปิดเงียบสนิท พนง.อ้างติดต่อใครไม่ได้
ครั้งแรกของโลก! ศิริราชผลิตกระดูกเบ้าสะโพกไทเทเนียมเฉพาะบุคคลสำเร็จ “ศุภมาส” ชี้เป็นก้าวสำคัญของวงการแพทย์ไทย
กระทรวงเกษตรฯ ครบรอบ 133 ปี ”รมว.นฤมล“ประกาศเร่งขับเคลื่อน "เกษตรมูลค่าสูง-ยั่งยืน" ย้ำ ข้าราชการต้องกล้าต่อสู้เพื่อประโยชน์ของเกษตรกรไทย ขอให้ทุกคนช่วยดูแลเกษตรกรของพระราชา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น