เปิดเอกสาร DSI แจ้งกกต. ชี้ชัดเลือก สว.มีฮั้ว 1,200 คน ร่วมขบวนการ
ข่าวที่น่าสนใจ
21 ก.พ.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเปิดเผยเอกสารตีตราลับ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งร้อยตำรวจเอกวิษณุ ยิ้มตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กองกิจการอำนวยความยุติธรรม ส่งไปยังประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เพื่อแจ้งความคืบหน้าการสืบสวนและขอความเห็นการดำเนินคดี หลัง กกต.ได้ส่งหนังสือมาก่อนหน้านี้ขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคำร้องแต่ละคำร้องที่ดีเอสไอรับไว้ดำเนินการ และอยู่ในขั้นตอนใดแล้ว
หนังสือดังกล่าว เป็นการแจ้งความคืบหน้าการตรวจสอบ 3 เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว.ชุดปัจจุบัน เพราะพบข้อพิรุธและพฤติการณ์ที่ไม่ชอบธรรม รวมทั้งคัดค้านประกาศรับรองผลการคัดเลือกโดยมีรายละเอียดดังนี้
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับคำร้องขอความเป็นธรรม จำนวน 3 คำร้อง
1.กรณี พลตำรวจตรีอนุชา ผู้ร้อง มีหนังสือฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ขอความเป็นธรรม จากการคัดเลือก สว.จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2567 ณ วิทยาลัย การอาชีวศึกษาจังหวัดปทุมธานี จากการที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่ไม่ชอบธรรม และฉบับลงวันที่ 24 มิถุนายน 2567กรณีพบเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับการได้มาซึ่ง สว.
2.กรณี นายภัทรพงษ์ผู้ร้อง มีหนังสือฉบับลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 ขอให้ดีเอสไอตรวจสอบการเลือกตั้ง สว.ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 และได้ สว.จำนวน 200 คน พบข้อพิรุธในกระบวนการในการเลือก
3.กรณีนายทินกร ผู้ร้อง มีหนังสือฉบับลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ขอให้ดีเอสไอตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร สว.สาย ข กลุ่มที่ 1 และกระบวนการเลือก สวฅที่อาจมีกรณีความผิดต่อกฎหมาย และฉบับลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ขอให้ดีเอสไอตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร สว. กลุ่มที่ 18 และคัดค้านการประกาศรับรองผลการเลือก สว.
จากนั้นเนื้อหาในหนังสือ ดีเอสไอระบุว่า ได้ดำเนินการสอบสวนและอธิบดีดีเอสไอมีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งบันทึกถ้อยคำพยานบุคคล การตรวจพิสูจน์หลักฐานทางดิจิทัล ตรวจสถานที่เกิดเหตุ สถานที่จัดฮั้ว ตรวจสอบพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารเกี่ยวกับโพสย สว. ตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการฮั้ว สว. ซึ่งผลการสืบสวนปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้
-เชื่อได้ว่ามีขบวนการในรูแบบคณะบุคคลจัดตั้งเครือข่ายขบวนการซึ่งปกปิดวิธีการ มีวัตถุประสงค์เพื่อฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา โดยวางแผนสลับซับซ้อน ทราบเฉพาะในกลุ่มขบวนการ โดย ขบวนการได้จัดการให้มีผู้สมัคร สว.ในระดับอำเภอ โดยสมัครกลุ่มละ 5 คน รวม 100 คน ในระดับอำเภอ 928 อำเภอ จึงทำให้บางจังหวัด มีผู้สมัครจำนวนมาก สำหรับค่าตอบแทนนั้น ระดับอำเภอ จำนวน 5,000 บาท ระดับจังหวัด จำนวน 10,000 บาท และระดับประเทศ จำนวน 40,000 – 100,000 บาท และถ้าได้ สว.มากกว่า 120 คน จะได้เพิ่ม จำนวน 100,000 บาท
-หลังจากวันที่ 16 มิถุนายน 2567 ภายหลังผ่านการคัดเลือกระดับจังหวัด ขบวนการได้นัดหมายผู้สมัคร สว.ระดับประเทศ ไปจัดทำโพยฮั้ว สว.ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดนครนายก ในวันที่ 24 มิถุนายน 2567 เวลา 16.00 น. ซึ่งมีการจ่ายเงินสดเป็นมัดจำ จำนวน 20,000 บาท ส่วนที่เหลือได้รับภายหลังจาก กกต.รับรองผลเลือกแล้ว
ดีเอสไอระบุอีกว่า จากการสืบสวนพบว่า โพยฮั้วสมาชิกวุฒิสภามีหมายเลข จำนวน 2 ชุด กลุ่มละ 7 คน รวม 140 คน และในการเลือก สว.ระดับประเทศ พบว่าขบวนการจัดตั้งมีจำนวนผู้สมัคร สว.ซึ่งอยู่ในขบวนการ จำนวนประมาณ 1,200 คน ต่อมาเมื่อวันที่ 26มิถุนายน 2567 เวลา 05.00 น. ขบวนการได้แจกเสื้อสีเหลืองให้กับผู้สมัคร สว.ระดับประเทศ และขบวนการได้อำนวยความสะดวก โดยจัดหารถตู้โดยสาร ส่งผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา ระดับประเทศ เดินทางไปเมืองทองธานี เพื่อเลือก สว.ระดับประเทศ และผลการเลือก สว.ในรอบเช้าและรอบไขว้ เป็นไปตามโพยฮั้ว สว.ทุกประการ
สำหรับโพยฮั้ว สว. จำนวน 2 ชุด กลุ่มละ 7 คนนั้น พบว่าเป็นผู้ได้รับเลือก สว.จำนวน 138 คน และอยู่ในลำดับสำรอง 2 คน
ดีเอสไอ พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายการกระทำผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 77 (1) ,ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 ซึ่งเป็นความผิดฐานอั้งยี่ และความผิดฐานฟอกเงิน เนื่องจากการกระทำความผิดของกลุ่มขบวนการในครั้งนี้ มุ่งหวังเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติ กระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ กระทำผิดต่อกฎหมายหลายฉบับ โดยทราบว่ามีการวางแผนมาตั้งแต่ก่อนเริ่มกระบวนการเลือก สว. ต่อเนื่องมาจนถึงภายหลังจากการเลือกสว.เสร็จสิ้นแล้ว มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม แบ่งแยกหน้าที่ มีฝ่ายไอทีเตรียมโปรแกรมค้านวณการลงคะแนน ออกเป็นโพยฮั้วเพื่อให้ได้ผลลัพธ์จำนวน สว.ตามที่ต้องการ เตรียมบุคคลที่มาลงคะแนนที่เรียกว่ากลุ่ม “พลีชีพ” ดังนั้น ในการดำเนินการกับขบวนการดังกล่าว จึงต้องใช้วิธีการสืบสวนสอบสวนเป็นพิเศษ ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขตามกฎหมายที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะรับดำเนินการสอบสวนเป็นคดีพิเศษได้
ดีเอสไอสจึงประสงค์ที่จะรับดำเนินการสอบสวนในส่วนที่พบการกระทำผิดทางอาญาไว้ดำเนินการ เนื่องจากกลุ่มขบวนการมีการวางแผนที่สลับซับซ้อน กระทำการอุกอาจมิได้เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง นอกจากนี้ พยานสำคัญอาจจำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการให้ความคุ้มครองพยาน เพราะเหตุที่พยานอาจเกรงกลัวต่ออันตรายแก่ชีวิตนอกจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาที่อยู่ในอำนาจ หน้าที่โดยตรงของ กกต. จึงควรให้ดีเอสไอเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนดำเนินคดีอาญา ตามความผิดที่พบดังกล่าวมาแล้วข้างต้น
ทั้งนี้หากกกต.พิจารณาแล้วมีความเห็นประการใด ดีเอสไอขอความอนุเคราะห์ ให้ กกต. ได้กรุณาแจ้งยืนยันมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568ว่ามีความผิดทางอาญาใดบ้างที่ กกต.ประสงค์จะรับไว้ดำเนินการสอบสวนเอง และความผิดทางอาญาใดบ้างที่ กกต.ประสงค์จะให้ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินการสอบสวน หรือ กกต.จะรับดำเนินการสอบสวนเองในการกระทำ ความผิดทางอาญาทุกข้อกล่าวหาทุกฉบับกฎหมาย หรือประสงค์จะให้ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินการสอบสวนในการกระทำความผิดทางอาญาทุกข้อกล่าวหาและทุกฉบับกฎหมาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น