กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา
ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา รอง ผบก.ป, พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.หัตถพร ทองคำ, พ.ต.ท.หัตถพล ทองคำ, พ.ต.ท.ณัติรุจน์ วัฒนะฉัตรรัตน์ รอง ผกก.5 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย รอง ผกก.5 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป.
ได้ร่วมกันจับกุม
1. นายไกรลาศฯ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6243/2567 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”
2. นายณัฐพลฯ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6244/2567 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”
3. นายจีรพงษ์ฯ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6245/2567 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”
4. น.ส.อัมพกาฯ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6246/2567 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”
5. นายภราดรฯ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6247/2567 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”
6. นายณัฐพงศ์ฯ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8
ที่ 1/2568 ลงวันที่ 31 มกราคม 2568
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นพนักงานเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ อื่นใดสำหรับตนเองหรือสำหรับผู้อื่นโดยมิชอบฯ”