จากนโยบาย “ซีล สต็อป เซฟ ชายแดน” ของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 สั่งการกำชับ ไปยัง พล.ต.ต.ถาวร ดุลยวิทย์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว ให้ ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เดินหน้าปราบปราม และจับกุมขบวนการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างจริงจัง นั้น
พ.ต.อ.ธนาวุฒิ เปียผ่อง รรท.ผกก.สภ.โคกสูง จ.สระแก้ว สืบทราบว่า บริเวณท้ายหมู่บ้าน คลองตะเคียน หมู่ที่ 4 ต.หนองแวง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว มีแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ลักลอบเข้ามาอยู่อาศัย แล้วปลูกเพิงพักและกระท่อม เพื่ออยู่อาศัยหลายหลังจนกลายเป็นหมู่บ้านเขมรเล็ก ๆ พบว่า ส่วนใหญ่ลอบเข้ามาทำอาชีพรับจ้างทั่วไป …. จึงสั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ สภ.โคกสูง ปฏิบัติการกวาดล้างทันที
จากนั้น จึงนำกำลังลงพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ พบ กระท่อมและเพิงพัก จำนวนหลายหลังปลูกติดกัน บริเวณด้านหลังไร่มันสำปะหลัง ท้ายหมู่บ้านคลองตะเคียน ม.4 ต.หนองแวง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ จึงเข้าปิดล้อมและตรวจค้น สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าว ชาวกัมพูชา ได้ 7 ราย และเด็กอีก 5 ราย รวมเป็น 12 ราย โดยไม่มีหนังสือเดินทาง หรือ เอกสารอนุญาตทำงานในประเทศไทยแต่อย่างใด
ชาวกัมพูชาทั้งหมด รับสารภาพว่า ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยตามช่องทางธรรมชาติ เพื่อมาทำงานรับจ้างขุดมันสำปะหลัง และ ตัดต้นยูคาลิปตัส โดยปลูกเพิงพักและอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว มานานกว่า 1 ปีแล้ว / เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดส่งให้ พนักงานสอบสวน สภ.โคกสูง จ.สระแก้ว ดำเนินคดีข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ก่อหน้านี้ เมื่อเดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.สระแก้ว ได้ลงพื้นที่ตรวจค้น ชาวกัมพูชา ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย มาสร้างกระท่อมเพิงพักกลางทุ่งนา หลังหมู่บ้านกุดเตย ม.11 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว …. หลังมีประชาชน แจ้งเบาะแส ว่า มีชาวกัมพูชา หลายครอบครัว ปักหลักอยู่ที่นี่มานานหลายปีแล้ว เกรงว่า จะมีชาวกัมพูชาเพิ่มจำนวนมากขึ้น จนกลายเป็นหมู่บ้านใหญ่ อีกทั้ง ช่วงที่ผ่านมามี ชาวกัมพูชา ออกมาก่อเหตุลักเล็กขโมยน้อยในหมู่บ้านเป็นประจำ หวั่นทำอันตรายต่อคนไทยในหมู่บ้านแห่งนี้
ครั้งนั้น จากการปิดล้อม ตรวจค้น พบมีการลักลอบปลูกกระท่อมเพิงพัก ในป่าละเมาะ กลางทุ่งนา หลังหมู่บ้านกุดเตย 6-7 หลัง มีชาวกัมพูชา พักอาศัยอยู่ในกระท่อม หลังละ 1-2 คน ควบคุมตัได้ 6 คน เป็น ชาย 2 คน หญิง 3 คน และเด็กอีก 1 คน ไม่มีหนังสือเดินทาง หรือ เอกสารอนุญาตทำงานในประเทศไทย