“ดร.ปณิธาน” ยกพัทยาโมเดล แก้ปัญหา “ชาวอิสราเอล” ล้นเมืองปาย แนะหน่วยมั่นคงบังคับใช้กม.ใกล้ชิด

"ดร.ปณิธาน" ยกพัทยาโมเดล แก้ปัญหา "ชาวอิสราเอล" ล้นเมืองปาย แนะหน่วยมั่นคงบังคับใช้กม.ใกล้ชิด

“ดร.ปณิธาน” ยกพัทยาโมเดล แก้ปัญหา “ชาวอิสราเอล” ล้นเมืองปาย แนะหน่วยมั่นคงบังคับใช้กม.ใกล้ชิด

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับปัญหาชาวอิสราเอล ในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาตินี้ เข้ามาใช้ชีวิตในอำเภอปาย เสมือนเป็นบ้านของตัวเอง บางคนทำธุรกิจ บางคนให้เช่าที่พักระยะยาว และบางคนถึงขั้นตั้งรกรากที่นี่ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของชุมชนไทยอย่างมีนัยสำคัญ

 

ล่าสุดวันนี้ (23 ก.พ.68) รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวท็อปนิวส์ กล่าวถึงนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลในประเทศไทย ว่า สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มดังนี้

1.กลุ่มครอบครัว ซึ่งมักเดินทางท่องเที่ยว และจับจ่ายซื้อสินค้าทั่วไป ไม่ค่อยมีปัญหา

2.กลุ่มทหารปลดประจำการจากการสู้รบ โดยกลุ่มนี้จะมาท่องเที่ยวแบบอิสระในลักษณะแบ็กแพกเกอร์ เดินทางท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ เป็นกลุ่มที่เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอยู่ เพราะอาจมีปัญหากับกลุ่มที่เป็นศัตรูกับอิสราเอล ซึ่งเคยเกิดเหตุลอบสังหารคนกลุ่มนี้ในภูเก็ต และเกาะสมุยมาแล้ว แต่ระยะหลังคนกลุ่มนี้กระจายออกไปท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

และ 3.กลุ่มที่มาแต่งงานกับคนไทย และเริ่มตั้งรกรากอยู่ไทยแบบถาวร โดยกลุ่มนี้พบมากที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยคนกลุ่มนี้ซื้อที่ดิน และทำธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล กลุ่มทหารปลดประจำการ หรืออยู่ในระหว่างการพักจากการสู้รบ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลเดินทางเข้า-ออก อำเภอปาย ถึงหลักหมื่นคน

โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มคนที่เคยเป็นทหารนั้น มีอายุในช่วง 20 –50 ปี มีทั้งหญิง และชาย เนื่องจากพลเมืองอิสราเอลทุกคน จะถูกเกณฑ์ไปสู้รบตลอดเวลา จึงมีลักษณะที่แตกต่างจากนักท่องเที่ยวทั่วไป บางคนก็ก้าวร้าว บ้างก็เมาสุรา ขับรถหวาดเสียว ก่อเหตุจนกลายเป็นคดีความ อีกทั้งยังมีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ จนเกิดการกระทบกระทั่งกับชุมชนชาวไทยในพื้นที่

ส่วนชาวอิสราเอลที่มาแต่งงานกับคนไทยนั้น พบว่ามีอยู่ 20 ครอบครัว แต่ต้องรอดูตัวเลขที่ชัดเจนจากกระทรวงมหาดไทยอีกครั้งว่า มีชาวอิสราเอลที่แต่งงานกับคนไทยจำนวนเท่าไรกันแน่ แต่ในขณะเดียวกัน ในอำเภอปาย ก็มีชาวมุสลิมเชื้อสายจีนฮ่อ ซึ่งตั้งรกรากอยู่ที่นั่นมานานพอสมควร และขยายตัวเพิ่มมากขึ้นด้วย เจ้าหน้าที่จึงความเฝ้าระวังด้วย

ซึ่งในส่วนของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ต้องวาง นโยบายให้ชัดเจน โดยรัฐต้องกำกับหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ ทั้งเรื่องการพำนัก การซื้อที่ดิน ต้องมีใบอนุญาตในการประกอบอาชีพ และต้องเสียภาษี ซึ่งจะช่วยให้สถานการณ์ไม่บานปลาย

ส่วนกระทรวงมหาดไทย ควรตรวจสอบข้อมูลคนอิสราเอลที่มาแต่งงานกับคนไทย หรือมาอยู่ระยะยาว ว่ามีจำนวนเท่าไร สถานภาพของแต่ละคนเป็นอย่างไร ถ้ามีการประกอบอาชีพได้ขออนุญาต และเสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่

สำหรับหน่วยงานด้านความมั่นคง ควรจะเป็นแกนหลักในการพูดคุยทำความเข้าใจเรื่องวินัย และระเบียบกติกากับนักท่องเที่ยวอิสราเอล โดยเฉพาะกลุ่มแบ็กแพกเกอร์ ที่เคยเป็นทหารมาก่อน เนื่องจากถ้าคุยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง จะมีความเกรงใจมากกว่าเจ้าหน้าที่จากหน่วยอื่น

ส่วนฝ่ายปกครองจังหวัดแม่ฮ่องสอน ก็ควรจะร่วมมือกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดแม่ฮ่องสอน (กอ.รมน.จว. แม่ฮ่องสอน) ตั้งคณะทำงานเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจกับคนกลุ่มนี้

จึงควรนำรูปแบบการบริหารจัดการนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เป็นทหารของเมืองพัทยา และการจัดระเบียบที่เมืองพัทยามาใช้ เนื่องจากที่อำเภอปาย น่าจะจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าเมืองพัทยา เพราะที่อำเภอปายนั้น มีสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่เมืองพัทยานั้น มีสถานบันเทิงจำนวนมาก มีการดื่มสุรา และคนที่มาก็เป็นทหารที่ลงมาจากเรือบรรทุกเครื่องบินจริงๆ ครั้งละหลายพันคน ยังสามารถรองรับทหารกลุ่มดังกล่าวได้สำเร็จมาแล้ว

 

สำหรับความกังวลว่า ชาวอิสราเอลจะเข้ามาตั้งรกรากในไทยอย่างผิดกฎหมาย และแย่งอาชีพของคนไทย ซึ่งความรู้สึกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก และสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการจัดระเบียบ หากประเทศไทยไม่มีการจัดระเบียบ และป้องกัน ก็จะกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเหล่านี้เข้ามาเพิ่มขึ้น ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง เพื่อดูแลกวดขันคนต่างชาติที่เข้ามาพำนักระยะยาว และทำงาน ว่ามีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่

ส่วนปัญหาการเข้ามาตั้งรกรากของชาวอิสราเอลในไทยนั้น ไม่ใช่ปัญหาที่น่ากังวลเท่ากับปัญหาการก่อการร้าย โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่เป็นศัตรูกับอิสราเอล เพราะเรื่องนี้กระทบต่อความมั่นคงของไทยอย่างแน่นอน จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ในอดีตเคยมีเหตุการณ์ที่ชาวอิหร่านพยายามก่อเหตุสังหารชาวอิสราเอลในไทย รวมถึงการโจมตีสถานทูตอิสราเอลมาก่อน เคยมีความพยายามในการโจมตี สังหาร กราดยิง รวมถึงการวางระเบิด เพื่อหมายเอาชีวิตชาวอิสราเอล แต่เจ้าหน้าที่ของไทยสกัดไว้ได้ จนไม่เกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อการท่องเที่ยว และความมั่นคงของไทย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของไทยต้องตื่นตัว และทำงานเชิงรุก โดยฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยต้องทำงานร่วมกัน เพราะการตั้งรับอย่างเดียวอาจเป็นช่องโหว่ให้เกิดการก่อเหตุได้

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

โผล่อีก “หมู่บ้านเขมร” จองแผ่นดินไทย อึ้ง! อุ้มลูกเดินยั้วเยี้ย ตร.เพิ่งจะจับ
งามไส้! “หนุ่มไทย” พกปืน-กระสุนใส่เต็มแม็ก คุ้มกัน “พม่าเถื่อน” เข้าเมือง
ผู้นำสหรัฐเรียกนายกฯแคนาดาว่า” ขี้แพ้”
เพจดังจับโป๊ะพรรคส้ม ขุดยับ “เท้ง-ไอซ์” นำทีมสส.ร่วมทริปกมธ. บินเกาหลีใต้ ใช้งบฯหลักล้านคาใจดูงานแน่เปล่า
มัสก์จี้ข้าราชการอเมริกันเขียนรายงานวันๆทำอะไรบ้าง
ผู้ปกครองพา "ด.ช.วัย 13" ร้องสายไหมต้องรอด ถูกสาวสอง สร้างไอจีปลอม ลวงทำอนาจาร
"ทักษิณ" เอ่ยขออภัยเหตุการณ์ "ตากใบ" ปี 47 ลั่นไม่ตกใจ เหตุบึ้มรถในสนามบินนราฯ รับลงชายแดนใต้
“ทักษิณ” ลั่นปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต้องจบในรัฐบาลนี้ ยึดการพูดคุย เป็นแนวทางสร้างสันติสุข
เลขาธิการ สปส. แจงเสถียรภาพ "กองทุนประกันสังคม" ย้ำชัดสิทธิประโยชน์ดีเพิ่มขึ้นทุกปี
คึกคักสุดๆ แห่เที่ยวตามรอย "ลิซ่า" ในซีรีส์ The White Lotus 3 ทำยอดจองโรงแรมเกาะสมุยพุ่ง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น