หลังจากช่วงก่อนปีใหม่ที่ผ่านมา ทราบกันดีว่าไทยเรามีข้อพิพาทกับทางกองกำลังว้าแดง ที่มีการสร้างฐานปฏิบัติการ รุกล้ำดินแดนเข้ามาในฝั่งไทย และจนถึงป่านนี้ล่วงเลยเข้าปีใหม่มาแล้ว ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า ในจุดที่มีข้อมูลจากนักวิชาการ และผู้ที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่ามีการรุกล้ำเข้ามาจริง ทางการไทยจะดำเนินการอย่างไร จะยังคงยืนกรานที่จะเจราจา หรือถึงเวลาที่ต้องยื่นคำขาดอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว

มาถึงตอนนี้มีอีกข่าวที่ฟังแล้วน่าตกใจเลยทีเดียว แต่เป็นในส่วนของชาวกัมพูชาที่รุกล้ำดินแดนไทย โดยมีรายงานว่า ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เดินหน้าปราบปรามและจับกุม ขบวนการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ตามนโยบาย ซีล สต็อป เซฟ ชายแดน ของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พ.ต.อ.ธนาวุฒิ เปียผ่อง รักษาราชการแทน ผู้กำกับ สภ.โคกสูง จ.สระแก้ว ได้สืบทราบว่า บริเวณท้ายหมู่บ้านคลองตะเคียน หมู่ที่ 4 ต.หนองแวง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว มีแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายลักลอบเข้ามาอยู่อาศัย แล้วปลูกเพิงพักและกระท่อม เพื่ออยู่อาศัยหลายหลัง จนกลายเป็นหมู่บ้านเขมรขนาดย่อมๆ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จึงสั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่สายตรวจ สภ.โคกสูง จ.สระแก้ว ออกไปปฏิบัติการกวาดล้างทันที เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง พบว่ามีกระท่อมและเพิงพักไม่มีเลขที่ จำนวนหลายหลังปลูกใกล้กันบริเวณด้านหลังไร่มันสำปะหลัง ท้ายหมู่บ้านคลองตะเคียน หมู่ 4 ต.หนองแวง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าปิดล้อมและตรวจค้น โดยสามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ได้ 7 ราย และเด็ก 5 ราย รวมเป็น 12 ราย จากการตรวจค้นไม่พบว่ามีหนังสือเดินทาง หรือเอกสารอนุญาตทำงานในประเทศไทยแต่อย่างใด

จากการสอบถาม ชาวกัมพูชาทั้งหมด ยอมรับว่า ได้ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยตามช่องทางธรรมชาติ เพื่อมาทำงานรับจ้าง ขุดมันสำปะหลัง และตัดต้นยูคาลิปตัส โดยปลูกเพิงพักและอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว มานานกว่า 1 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.โคกสูง จ.สระแก้ว ดำเนินคดีข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าว เดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต