รัฐบาลออกมาตรการที่เข้มงวด บังคับให้คนต่างด้าว ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ต้องตรวจสุขภาพกับสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชนที่กรมการจัดหางานประกาศรายชื่อให้ตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวได้ เพื่อสกัด 6 โรคร้ายแรง อาทิ โรคเรื้อน วัณโรค ซิฟิลิส พิษสุราเรื้อรัง ติดยาเสพติด และโรคเท้าช้าง เพื่อป้องกันไม่ให้โรคร้ายแรงเหล่านี้เข้ามาสู่ประเทศไทย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ และสาธารณสุขของประเทศ ( ใช้กราฟฟิก 6 โรค ) และต้องทำประกันสุขภาพด้วย
ปัจจุบัน กลุ่มแรงงานต่างด้าว มีจำนวนกว่า 3,400,000 คน ทำงานกระจายอยู่ทั่วประเทศ ในภาคอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ก่อสร้าง การผลิต เกษตรกรรม และการประมง
การตรวจสุขภาพของแรงงานต่างด้าว ที่จะขอรับใบอนุญาตทำงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 สถานพยาบาลต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลผลการตรวจสุขภาพ กับระบบของกรมการจัดหางาน โดยตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลที่ผ่านหลักเกณฑ์ ได้ที่เว็บไซต์ ของกรมการจัดหางาน www.doe.go.th
เอกสารที่ต้องใช้เพื่อขอใบรับรองแพทย์สำหรับยื่นทำใบอนุญาตทำงาน ประกอบไปด้วย
1.สำเนาพาสปอร์ตลูกจ้าง
2.สำเนาวีซ่าลูกจ้าง
3.สำเนาบัตรประชาชนของนายจ้าง
4.สำเนาทะเบียนบ้านของนายจ้าง
5.ในกรณีจดทะเบียนเป็นบริษัทนิติบุคคล ต้องใช้หนังสือรับรอง 1 ชุด พร้อมลงนาม และประทับตราบริษัท
หลังจากที่นายจ้างและลูกจ้างเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว ให้นำแรงงานต่างด้าวไปตรวจสุขภาพ กับสถานพยาบาลได้ทันที
โดยแรงงานต่างด้าวจะได้รับใบรับรองแพทย์ ว่าต้องเป็นผู้มีความสมบูรณ์พร้อมต่อการทำงาน สุขภาพสมบูรณ์ดี ผลการตรวจโรคอยู่ในภาวะปกติ ไม่มีโรคอันตรายร้ายแรง ที่สำคัญอายุใบรับรองแพทย์ต้องไม่เกิน 60 วัน
นอกจากนี้ ยังบังคับให้มีการทำประกันสุขภาพ ทั้งแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในระบบประกันสังคมแต่ยังไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีเจ็บป่วย รวมทั้งแรงงานต่างด้าวที่อยู่นอกระบบประกันสังคม ซึ่งสามารถซื้อประกันสุขภาพได้ ทั้งสถานพยาบาลของรัฐ และบริษัทประกันภัยที่กรมการจัดหางานกำหนด
การตรวจสุขภาพ และการทำประกันสุขภาพ สำหรับแรงงานต่างด้าว ถือเป็นก้าวสำคัญ ในการสร้างระบบแรงงานที่มีคุณภาพและปลอดภัย โดยนายจ้างสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 ถึงพื้นที่ 10 หรือที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ หรือโทรสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร 1506 กด 2 และสายด่วนกรมการจัดหางาน 1694