ยิ่งกว่านิยาย กว่าจะกลายมาเป็น “สารวัตรแจ๊ะ” เกือบไม่รอด ตามหาผู้มีพระคุณจนเจอ

ยิ่งกว่านิยาย กว่าจะกลายมาเป็น "สารวัตรแจ๊ะ" เกือบไม่รอด ตามหาผู้มีพระคุณจนเจอ

กลายเป็นไวรัลในชั่วข้ามคืน เมื่อ เพจ “จ๋อแจ๊ะจับโจร” โพสต์เล่าเรื่องราวน่าประทับใจของ “เด็กชายแจ๊ะ” หรือ “สารวัตรแจ๊ะ” ตำรวจนักสืบขวัญใจชาวโซเชียล “พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ” เมื่ออ่านแล้ว หลายคนถึงกับน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว

โดย เพจ เฟซบุ๊ก “จ๋อแจ๊ะจับโจร” ได้โพสต์เล่าเรื่องราว  เทวดาบนพื้นดิน “กุมารแพทย์หญิงวันดี” ผู้ชุบชีวิตทารกน้อยจากแดนไกล ผ่านเสียงโทรศัพท์ของพ่อ กว่าจะมาเป็น”สารวัตรแจ๊ะ”ในวันนี้  ต้องผ่านประสบการณ์เฉียดตายด้วยโรคประหลาด ตั้งแต่วัยเพียง 4 เดือน ในที่สุดก็รอดชีวิตมาได้ เพราะ “เสียงปลายสายและกระดาษโน๊ต” จากคุณหมอท่านหนึ่ง โดยเนื้อหาเล่าว่า

ค.ศ.1993 ณ เมืองพิษณุโลก เด็กทารกชายคนหนึ่ง เกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ไม่แข็งแรงนัก เมื่อย่างเข้าอายุได้เพียง 4 เดือน ร่างกายทารกน้อยเริ่มป่วยออด ๆ แอด ๆ แม้ว่า จะเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว ไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง แต่ก็ไม่มีท่าทีจะดีขึ้น จนเมื่อย่างเข้าเดือนกันยายน ค.ศ.1993 อาการเด็กน้อย แย่ลงจนเข้าขั้นวิกฤติ เนื้อตัวลีบ ถ่ายไม่หยุด  2 กุมารแพทย์ที่เก่งที่สุดในเมืองพิษณุโลกในเวลานั้น ได้พยายามช่วยชีวิตทารกน้อยด้วยการให้น้ำเกลือ ทางขา ทางแขน แต่ก็ไม่สามารถส่งสารอาหารเข้าร่างกายทารกน้อยได้ เพราะเส้นเลือดในร่างกายตีบหมดแล้ว จนต้องตัดสินใจ “เจาะหน้าผาก” ให้น้ำเกลือผ่านทางกะโหลกเป็นทางสุดท้าย กว่า 1 เดือนที่พยายามช่วยชีวิตทารกน้อยรายนี้แต่อาการก็กลับแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะโรคร้ายพิสดารที่ไม่มีใครไขคำตอบได้ในเวลานั้น

ค่ำคืนวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1993 ค่ำคืนที่คล้ายจะเป็นจุดสุดท้ายของชีวิตทารกน้อย  กุมารแพทย์แห่งเมืองพิษณุโลก กล่าวกับพ่อของทารกอย่างกระอักกระอ่วนว่า “เราก็สุดความสามารถแล้วคุณพ่อ” ประโยคสะท้านทรวงสุดจะบีบหัวใจพ่อ ก่อนจะมองไปที่ร่างทารกน้อย ตัวผอมลีบ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ใกล้จะไปโลกหน้า ความคิดกรีดร้องใครจะยอมให้ลูกตาย พ่อรีบวิ่งกลับไปถามหมออีกครั้งว่า “ยังมีทางไหนที่จะช่วยลูกผมได้บ้าง”  จนได้คำตอบจากหมอว่า “มีหมอคนหนึ่ง ที่วิจัยเกี่ยวกับทารกอยู่ แต่ต้องไปขอร้องเขา เพราะเค้าเป็นหมออยู่ที่กรุงเทพ ชื่อ วันดี กุมารเวช โรงพยาบาลรามามหิดล” หลังสิ้นคำตอบ พ่อสั่งให้แม่เฝ้าทารกน้อย ก่อนที่ตัวเองจะคว้ากุญแจรถมอเตอร์ไซค์ขับตระเวนรอบเมืองพิษณุโลก เพื่อหา “สมุดหน้าเหลือง” ด้วยยุค 90’s สมัยที่ไม่มีอินเตอร์เน็ต  ไม่มีโทรศัพท์มือถือ สมุดหน้าเหลือง จึงเป็นหนทางเดียวในสมัยนั้น ที่จะหาช่องทางติดต่อกับโรงพยาบาลในกรุงเทพได้ แต่เจ้ากรรม เมื่อเวลานั้นร้านค้าในตัวเมืองปิดหมด ต้องตระเวนเคาะเรียกทีละร้าน จนกระทั่งโชคเข้าข้าง เมื่อมีอาแปะร้านขายหนังสือแห่งหนึ่งยังไม่นอน ได้เปิดมาขายสมุดหน้าเหลืองให้  ก่อนจะรีบหาโบกรถรับจ้างเหมาไปยังที่ทำงาน แหล่งน้ำมันสิริกิติ์ จ.กำแพงเพชร เพื่อจะเข้าไปใช้โทรศัพท์ที่มีอยู่เครื่องเดียวในไซส์งาน กว่าจะถึงก็เป็นเวลาดึกสงัดเสียแล้ว  ห้วงคืนนั้น พ่อของทารกน้อย ต่อสายหาโรงพยาบาลรามามหิดลจากสมุดหน้าเหลือง ผ่านไปหลายสาย หลายแผนก หลายต่อ หลายทอด จนได้เบอร์โทรศัพท์ของออฟฟิศ แพทย์หญิงวันดี ทารกน้อยจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ พ่อก็ไม่ทราบ ทำได้เพียงกระหน่ำเฝ้าโทรศัพท์กดโทรไปเรื่อย ๆ จนกว่าคุณหมอวันดี จะมาทำงานที่ออฟฟิศ ช่างเป็นห้วงเวลาที่บีบคั้นหัวใจเหลือเกิน

ช่วงเช้าวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ.1993 แพทย์หญิงวันดี รับสาย หลังจากกระหน่ำโทรไปตลอดคืน พ่อของทารกน้อย รีบแนะนำตัวก่อนจะแจ้งอาการของทารกน้อยให้ฟังด้วยความร้อนรน  แพทย์หญิงวันดี ถามกลับว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน” พ่อรีบตอบกลับไปว่า “ผมโทรมาจากกำแพงเพชร ตอนนี้อยู่ในป่า ถ้าต้องพาลูกไปกรุงเทพ จะต้องรอรถเมล์ 2 ชั่วโมง แล้วนั่งไปอีก 2 ชั่วโมง จากกำแพงเพชร เข้าไปที่ จ.พิษณุโลก เพื่อรับลูก และจะพาขึ้นเครื่องบิน ที่มีวันละ 1 เที่ยว ถึงจะไปถึงกรุงเทพ” แพทย์หญิงวันดี ตอบกลับว่า “คุณไม่ต้องมา เด็กจะเสียระหว่างทาง หมอจะรักษาผ่านทางโทรศัพท์ เราจะกระตุ้นให้ลำไส้เริ่มกลับมาทำงาน ก่อนที่เด็กจะเสียชีวิต รีบกลับไปทำตามที่หมอบอก” จากนั้น ได้เริ่มบอก “สูตรอาหารผสม” และวิธีการรักษาเบื้องต้น ให้กับพ่อของทารกน้อย จดทุกสิ่งทุกอย่างลงในกระดาษโน๊ต แล้วพับเก็บใส่กระเป๋าอย่างปราณีต ก่อนจะโดดงาน รีบออกจากไซส์งาน ขึ้นรถเมล์มุ่งหน้ากลับไปที่เมืองพิษณุโลก ทันที

“ปาฏิหาริย์ยามบ่าย” เมื่อพ่อกลับมาถึงแล้ว พบว่า ทารกน้อยยังไม่สิ้นใจ รีบนำอาหารผสมสูตรหมอวันดี แกะออก ก่อนนำใส่ปากรักษาทารกน้อยตามโพยหมอในทันที แม้ยังไม่เห็นผลทันตา แต่ทารกยังคงสภาพไม่สิ้นใจ … “เหมือนจะได้ผล” …. พ่อจดทุกอากัปกริยาของทารกน้อย ก่อนจะรีบโบกรถข้ามจังหวัด กลับไปไซส์งานเพื่อโทรศัพท์หาหมอ การเทียวไปเทียวมา 2 จังหวัด เพื่อรักษาผ่านทางโทรศัพท์ … ได้เริ่มต้นขึ้นทุก 7 โมงเช้า ของทุกวัน “ ตลอด 3 เดือน ”แพทย์หญิงวันดี ก็จะใช้เวลาทุกเช้าก่อนเข้างาน รอรับสายโทรศัพท์จากพ่อ เพื่อตามติดรักษาอาการและปรับเปลี่ยนสูตรผสมอาหารตามอาการ จนเด็กทารกน้อย “ฟื้นชีพ” ดีวันดีคืน ผิวหนังที่เหี่ยว ก็กลับมาเต่งตึง หายเป็นปกติในที่สุด

ทารกน้อยในวัยหนุ่ม ออกตามหาหมอวันดี ที่โรงพยาบาลรามาฯ แต่ทว่า เจ้าหน้าที่ แจ้งว่า ท่านเกษียณแล้ว ไม่ได้มาทำงานเป็นเวลากว่า 10 ปี จนต้องออกตระเวนถามหาบ้าน … ได้มาถึงหน้าบ้านเก่า ๆ สุดสมถะ บรรยากาศสุดเงียบสงบ …. “มีใครอยู่ไหมครับ” หลังสิ้นเสียงเรียก เงาหญิงชราเคลื่อนไหวราง ๆ เป็นเงาสะท้อนออกมาจากประตูบ้าน ก่อนเปิดออกมาด้วยใบหน้าอันสงสัย “มาหาใครคะ” น้ำเสียงหญิงชรา อันแสนเมตตาขยับเข้ามาใกล้ ๆ ครั้นได้สบตา อากัปกริยาสุดแสนใจดี ทำให้ทารกน้อยวัยหนุ่ม เข่าทรุดติดพื้น ก้มลงกราบโดยอัตโนมัติ ก่อนบอกกับหมอที่อยู่ในอาการงุนงงว่า ….. “ไม่รู้หมอจะจำผมได้มั้ย ผมคือเด็กที่หมอช่วยชีวิตผ่านโทรศัพท์ เมื่อ 32 ปี ก่อน  พ่อผมเล่าให้ฟัง ตอนผมไปเจอกระดาษโน้ตอันนี้ ที่ท่านบอกสูตรผสมกับวิธีการรักษาให้พ่อผม ทำให้ผมรอดตาย” หมอวันดี หยิบกระดาษโน๊ตขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจ ก่อนกล่าวว่า “นี่มันสูตรของชั้นจริง ๆ ด้วย….ขอให้มีความสุขความเจริญนะ แล้วตอนนี้หนูเป็นอะไร” …. ทารกน้อยวัยหนุ่มกล่าวตอบ “ผมเป็นตำรวจอยู่นครบาลครับ” ก่อนจะถอดเสื้อคลุมสืบนครบาลตัวเก่ง ให้กับหมอวันดีโดยไม่ลังเล “เสื้อนี้มีค่าสำหรับผมมากครับ ผมขอให้หมอไว้นะครับ ถ้าไม่มีหมอผมคงตายไปแล้ว”  หมอวันดี คลี่เสื้อดูก่อนบรรจงอ่านตัวอักษรบนเสื้อ ก่อนกล่าวว่า “ขอมอบให้ 9 ชีวิตเลยนะ ขอให้ปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นคนดีช่วยเหลือคนอื่น ๆ นะลูก ขอบใจนะที่คิดถึงกัน” หมอเทวดา ในร่างหญิงชรา ค่อยหันหลังและเดินกลับเข้าบ้านไปพร้อม ๆ สายลมที่พัดเบา ๆ พาใบเอาไม้ปลิวว่อน ภาพเบื้องหน้าความรู้สึกชวนให้ทารกน้อยวัยหนุ่มน้ำตาคลอ เสมือนเวลาได้ถูกหยุดลงที่หน้าบ้านของหมอวันดี

“ทารกน้อยจากแดนไกล” ปัจจุบันคือ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือ สารวัตรแจ๊ะ สืบสวนสอบสวน กองบังคับการ ตำรวจนครบาล 3 ที่เกิดมาพร้อมอาการป่วยออด ๆ แอด ๆ และแพทย์ในจังหวัดพิษณุโลก ได้วินิจฉัยว่า เป็นโรค “โรต้าไวรัส” แต่การรักษาไม่ดีขึ้น จนสภาพร่างกายลีบแห่งใกล้เสียชีวิต  เพราะแท้จริงเป็น โรคอุจจาระร่วง จากสารอาหารที่เข้มข้นในลำไส้ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในสมัยนั้น แต่ได้รับการรักษาจาก ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงวันดี วราวิทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคนี้โดยตรง “ผ่านทางโทรศัพท์”  ซึ่งได้รักษาด้วยการให้สูตรอาหารผสม ที่มีส่วนผสมของเกลือแกงและน้ำตาลทราย ทำให้สารวัตรแจ๊ะ รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ เมื่อปี 1993 ต่อมา แพทย์หญิงวันดีฯ ได้วิจัยพัฒนา จนกลายเป็น “ผงวันดี” หรือ “วันดีรามา ORS” หรือที่เรียกว่า “ผงน้ำตาลเกลือแร่” สารช่วยทดแทนการสูญเสียเกลือแร่  ใช้รักษาโรคท้องร่วงเฉียบพลัน ซึ่งคิดค้นมาจากการสังเกตุว่า คนไข้โรคอุจจาระร่วงจำนวนมาก มักชัก และตายอย่างรวดเร็ว เพราะการที่ได้สารน้ำ ที่เข้มข้นเกินไป  ซึ่งการคิดค้นสูตรของ แพทย์หญิงวันดีฯ ผลออกมาเป็นที่ยอมรับและใช้ได้ผล  มีการนำเสนอผลงานนี้ ทางเวทีวิจัยระดับนานาชาติ จนเป็นที่ยอมรับทั่วโลก และที่สำคัญ ท่านได้ช่วยชีวิตคนมามากมาย “นับไม่ถ้วน” ขอสดุดีจิตวิญญาณ “หมอเทวดา” แพทย์หญิงวันดี วราวิทย์

ข่าวที่น่าสนใจ

 

ทำให้ กองทัพอากาศไทย ต้องส่งเครื่องบินรบ F16 ขึ้นลาดตระเวน ป้องกันการลุกล้ำอธิปไตย อย่างไรก็ตาม KNLA ยังไม่สามารถยึดฐานทหารพม่าได้ แต่ยังคงทำการล้อมไว้ และเตรียมโจมตีเพื่อยึดฐานให้ได้  เนื่องจาก พื้นที่บริเวณนี้ เป็นเป้าหมายอีกจุดหนึ่งของกะเหรี่ยง KNU ที่ต้องการให้เป็นที่อยู่ของชาวกะเหรี่ยง ในศูนย์พักพิงชั่วคราวในฝั่งประเทศไทย ดังนั้น สถานการณ์ขณะนี้ ชาวเมียนมา ยังทะลักเข้าไทย เพื่อหนีเกณฑ์ทหาร หรือ หนีไฟสงครามเข้าไทย ไม่ขาดสาย

ทั้งนี้ พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ก็ได้ลงพื้นที่ วานนี้ (28ก.พ.) ติดตามสถานการณ์การสู้รบ ระหว่าง กองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง KNLA โจมตี ทหารพม่า ฐานปูลูตู่ ซึ่งอยู่ห่างจากแนวชายแดนไทย เพียง 800 เมตร ตรงข้าม บ้านหนองบัว ต.แม่อุสุ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ให้กับพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนไทย พร้อมทั้ง วางกำลังสกัดกั้น ป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ

นอกจากนี้ ยังได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และร่วมให้การช่วยเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ที่ข้ามมายังฝั่งประเทศไทย ณ พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณโบสถ์คริสต์ บ้านหนองบัว ต.แม่อุสุ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก

ทั้งนี้ ยังได้มอบสิ่งของ อาหาร เสื้อผ้า และเครื่องอุปโภค บริโภค ให้กับหน่วยงาน เพื่อช่วยเหลือผู้หนีภัย  ปัจจุบันมียอด ผู้หนีภัยฯ ที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว จำนวน 436 คน เป็นชาย 100 คน หญิง 136 คน เด็กชาย 97 คน และเด็กหญิง 103 คน

โดยมี เจ้าหน้าที่ทหารจาก ฉก ราชมนู ฉก ทหารพราน ที่ 35 กองกำลังนเรศวร ร่วมกับฝ่ายปกครอง อ.ท่าสองยาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม

 

 

ส่วนทางด้านความเคลื่อนไหวของ กองกำลังอาระกัน หรือ AA ชาว ต.ตะบวง ในเขตอิรวดี เผยว่า มี ทหารพม่า ที่ได้รับการสนับสนุนทางอากาศ ใช้เครื่องร่อน ต่อสู้กับ กองทัพอาระกัน และกองกำลังต่อต้านพันธมิตร … ใกล้กับ เนินเขา กินปอนชิน อยู่ห่างจาก เมืองปะเต็น เมืองหลวงของภูมิภาคไปทางเหนือ ราว 45 กม. ชาวบ้าน ต.ตะบวง เล่าวว่า รัฐบาลกรุงเนปิดอว์ ได้เริ่มใช้ เครื่องร่อน โจมตีพื้นที่ มัณฑะเลย์ มาเกว สะกาย พะโค และอิรวดี

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ ระบุว่า เครื่องร่อน มีข้อได้เปรียบ ในเรื่องของต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ความคล่องตัว และคุมง่าย ใช้เวลาบินได้นาน อีกทั้ง น้ำหนักเพียง 15 กิโลกรัม เท่านั้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับขนาดปีกด้วย นอกจากนี้ เครื่องร่อน ยังหลีกเลี่ยงการแจมสัญญารบกวนโดรน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย

มีรางานระบุว่า นับตั้งแต่ต้นปี กองกำลังอาระกัน โจมตีเครื่องร่อนของกองทัพพม่า ประมาณ 25 ครั้ง ยิงตกไป 2 ลำ ใกล้กับ ฐานทัพ หนองเขียว Nyaungkyo ของกองทัพพม่า ในตำบล ปะดอง (Pandaung) ของภูมิภาค Bago เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ สำหรับ เมือง ปะดอง Pandaung ตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงของภูมิภาค Bago ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 300 กม.

ตั้งแต่เดือนธันวาคม กองทัพอาระกัน ขยายการรุกเข้าโจมตีในภูมิภาคอิรวดี บาโก และมาเกว โดยยึด ไดแล้ว 14 แห่ง จากทั้งหมด 17 แห่ง รวมถึงเมืองปาเลตวา ใน รัฐชินตอนใต้ กองทัพอาระกัน ยังควบคุม เมืองสิตตเว เมืองหลวงของรัฐยะไข่ เมืองท่าสำคัญของเมืองเจาะพยู และ เกาะมะนอง

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ปวีณา" ตามคดี พนักงานห้างฯ หื่นขืนใจ ด.ญ.คาสวนสนุก
"ทหาร ฉก.ลาดหญ้า" จับแรงงานเถื่อนครึ่งร้อย ซุกซ่อนในป่าไผ่
ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 มีนาคม 2568
"สุดาวรรณ" เผยกรมศิลป์ เนรมิต ละครตำนานรักภูพระบาท "อุสา-บารส" ยกทัพโขน ชุดศึกกุมภกรรณ ตอน “สุครีพถอนต้นรัง” เฉลิมฉลองมรดกโลก “ภูพระบาท” จ.อุดรธานี
"ทักษิณ" ไปนครศรีฯ เป็นประธานพิธียกฉัตรพระประธานและทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างอุโบสถ 1 มี.ค.นี้
ยิ่งกว่านิยาย กว่าจะกลายมาเป็น "สารวัตรแจ๊ะ" เกือบไม่รอด ตามหาผู้มีพระคุณจนเจอ
"รถตู้นักท่องเที่ยว" พุ่งชนท้ายกระบะ กลางแยกไฟแดง พบผู้บาดเจ็บ 9 ราย
"ทัพไทย" จ้องไม่กระพริบชายแดนตาก หลัง "กะเหรี่ยง" ล้อม"ฐานทัพพม่า"
"ผู้นำสหรัฐฯ-ยูเครน" เถียงดุเดือดต่อหน้าสื่อทั่วโลก จนต้องยุติข้อตกลงแรร์เอิร์ธ
"หนุ่มเมียนมา" ขนต่างด้าวเข้าเมือง ซิ่งแหกด่าน-ย้อนศร ชนพ่วงข้างเจ็บ ก่อนถูกจับได้

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น