เป็นเรื่องแล้ว “ทหารพม่า” จับตัว 20 ไทยสิงขรเข้าป่า ยังไม่รู้ชะตากรรม
ข่าวที่น่าสนใจ
กลายเป็นเรื่องขึ้นมาทันที เมื่อมีข่าวว่ารัฐบาลเมียนมาจับคนไทย โดยสำนักข่าวชายขอบ รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา แหล่งข่าวด้านความมั่นคงชายแดน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทหารของกองทัพเมียนมา ได้จับตัวชาวบ้านไทยสิงขร ซึ่งหลบซ่อนอยู่บริเวณชายขอบหมู่บ้านสิงขร ซึ่งเป็นชุมชนคนไทย ในเขตตะนาวศรี ประเทศเมียนมา ประมาณ 20 คน โดยยังไม่มีใครทราบชะตากรรม
ทั้งนี้ ภายหลังสถานการณ์สู้รบ ในย่านชุมชนสิงขร เป็นไปอย่างรุนแรง ระหว่างทหารเมียนมา กับกองกำลังฝ่ายตรงกันข้าม ซึ่งประกอบด้วยทหารกะเหรี่ยง KNU ซึ่งจับมือกับ PDF ทำให้ชาวบ้านไทยสิงขรหลายร้อยคน ต่างพากันหลบหนีออกจากหมู่บ้าน โดยบางส่วนหนีข้ามมาอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องในประเทศไทย บางส่วนหนีลงไปทางใต้ เพื่ออาศัยอยู่กับญาติพี่น้อง ในเขตปกเปี้ยน แต่อีกจำนวนไม่น้อย เลือกที่จะหลบซ่อนตัวอยู่ตามไร่สวนที่อยู่ห่างออกจากหมู่บ้านไม่มาก
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า “พวกที่ถูกจับไป กำลังออกไปเก็บหมาก เก็บเม็ดมะม่วงหิมมะพานต์ เพื่อเอาไปขาย พวกเขาไม่คิดว่าทหารเมียนมา จะข้ามลำห้วยมาจับตัว ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าทหารเมียนมาจับไปทำไม และเอาตัวไปไว้ที่ไหน ญาติพี่น้องที่อยู่ฝั่งประเทศไทยพอทราบข่าว ต่างรู้สึกเป็นห่วงมาก”
ชาวบ้านไทยสิงขรรายหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า ชาวบ้านไทยสิงขรบางส่วน ที่ยังไม่ข้ามมาประเทศไทย เพราะเป็นห่วงไร่สวน ที่สำคัญต่างก็คิดว่า เมื่อหลบไปอยู่อีกฟากหนึ่งของลำคลองแล้ว ทหารเมียนมาจะไม่ข้ามมาจับตัว แต่กลับคิดผิด
ชาวบ้านบอกว่า “พวกเรารู้สึกเป็นห่วงญาติพี่น้อง ที่ยังหลบซ่อนอยู่แถวหมู่บ้านสิงขรมาก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่รอฟังข่าว อยากให้รัฐบาลไทยช่วยเจรจากับรัฐบาลเมียนมาให้ที พวกเขาไม่มีทางเลือกเลย เพราะเราชวนให้มาด้วยกัน ก็ไม่ยอมมา เขาบอกว่า มาแล้วก็ไม่รู้จะทำมาหากินอะไร สู้หลบซ่อนอยู่แถวนั้น ยังได้เก็บหมาก เก็บเม็ดมะม่วงขาย พอมีรายได้บ้าง”
ชาวบ้านไทยสิงขร บอกด้วยว่า เมื่อวันก่อนมีเพื่อนที่อพยพข้ามมาฝั่งไทย ไปอยู่กับญาติพี่น้องที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ถูกจับ เนื่องจากผู้ใหญ่บ้านไปแจ้งตำรวจ และตำรวจไม่เข้าใจว่าเป็นคนไทย แต่คิดว่าเป็นพม่า ทั้ง ๆ ที่ชาวบ้านพูดภาษาปักษ์ใต้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 68 แหล่งข่าวจากพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ด้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ทหารพม่าได้จุดไฟเผาบ้านหลายหลัง ในหมู่บ้านสิงขร เขตตะนาวศรี ประเทศพม่า ซึ่งเป็นชุมชนคนไทย เนื่องจากทหารพม่าเชื่อว่า มีฝ่ายต่อต้าน คือทหารกะเหรี่ยง KNU และ PDF หลบซ่อนอยู่ ภายหลังจากพื้นที่บริเวณนี้ เกิดการสู้รบกันอย่างรุนแรง นับตั้งแต่ปลายปี 67 เป็นต้นมา
แหล่งข่าวกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อ 3 วันก่อน ทหารพม่าได้จุดไฟเผาหมู่บ้านสิงขรไปแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้บ้านเรือน 4-5 หลังวอดวาย นอกจากนี้ ทหารพม่ายังใช้โดรนและเครื่องบิน ทิ้งระเบิดรอบบริเวณหมู่บ้าน รวมทั้งวัดสิงขร วราราม ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ ทำให้หลังคาวัดเสียหาย โชคดีที่ชาวบ้านและพระสงฆ์ส่วนใหญ่ หนีกันออกมาก่อน บางส่วนหนีข้ามมาอยู่กับญาติพี่น้องที่ฝั่งไทย บางส่วนหนีลงใต้ไปทางปกเปี้ยน คนไทยที่นี่มีกว่า 100 หลังคาเรือน ตอนนี้ต่างกระจัดกระจายไปกันหมด เด็กๆ นับร้อยต้องหนีตามพ่อแม่ไปด้วย และไม่ได้เรียนหนังสือมาระยะหนึ่งแล้ว
แหล่งข่าวยังบอกด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่มีความช่วยเหลือใดๆ จากรัฐบาลไทย มีเพียงหน่วยงานด้านทหารในพื้นที่เท่านั้น ที่รับทราบสถานการณ์ โดยชาวบ้านที่อพยพเข้ามาต้องอยู่กันอย่างหลบซ่อน เพราะหากตำรวจไทยเห็น ก็จะถูกจับได้ เพราะเป็นคนจากประเทศพม่า เมื่อชาวบ้านได้เห็นภาพหมู่บ้านถูกเผา ต่างกอดคอกันร้องไห้ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร ทุกคนยังหวังว่าจะได้กลับไปอยู่บ้านอีกครั้ง ภายหลังเหตุการณ์สู้รบสงบลง แต่ดูท่าแล้ว คงอีกนาน ที่ผ่านมาชาวบ้านสิงขร พยายามไม่เข้าไปยุ่งกับความขัดแย้งระหว่างทหารพม่ากับฝ่ายต่อต้าน แต่สุดท้ายคนไทยที่นี่ ก็ต้องรับเคราะห์ทุกที
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ชาวบ้านสิงขรรายหนึ่ง ซึ่งเป็นกรรมการหมู่บ้านสิงขร เป็นชุมชนคนไทยในภาคตะนาวศรี ชายแดนประเทศพม่า ด้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยถึงกรณีที่หมู่บ้านสิงขรถูกทหารพม่าเผา และชาวไทยสิงขรต้องอพยพหนีว่า จริงๆ แล้วสถานการณ์การสู้รบในพื้นที่ ระหว่างทหารพม่าและฝ่ายต่อต้านซึ่งมีทั้งกองกำลังทหารกะเหรี่ยง KNU และพวก 3 นิ้ว PDF เริ่มรุนแรงมาตั้งแต่ราวๆ 2 เดือนก่อน เนื่องจากก่อนหน้านั้น เมื่อมีกองกำลังฝ่ายใดมาในหมู่บ้าน ชาวบ้านก็ต้องต้อนรับ ทำให้ทหารพม่าเข้าใจผิด และมองว่าหมู่บ้านสิงขร ให้ที่พักพิงฝ่ายต่อต้าน
จนกระทั่งมีการสู้รบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชาวบ้านบางส่วนอพยพหนีข้ามมาอยู่กับญาติพี่น้อง ที่ฝั่งไทยและฝั่งพม่า แต่กว่า 200 คนก็ยังอยู่แถวหมู่บ้าน จนกระทั่งทหารพม่าใช้โดรนทิ้งระเบิด รวมทั้งใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพหนีห่างออกไป ล่าสุดมีการเผาหมู่บ้านแล้วถึง 2 ครั้ง ทำให้บ้านเรือนหลายหลังเสียหาย ชาวบ้านส่วนใหญ่หนีออกมา โดยไม่ได้ขนทรัพสินย์อะไรออกมามากนัก ทุกคนต่างเป็นห่วงบ้าน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับหมู่บ้าน
ด้านนายภควินทร์ แสงคง ที่ปรึกษาเครือข่ายคนไทยพลัดถิ่น กล่าวว่า ขณะนี้กำลังให้สมาชิกเครือข่ายฯช่วยกันเก็บข้อมูล เพื่อหาช่องทางประสานความช่วยเหลือ ตอนนี้ชาวไทยสิงขรส่วนใหญ่ อาศัยอยู่ตามบ้านญาติ แต่ก็น่าเป็นห่วงสำหรับคนที่ไม่มีญาติ คนเหล่านี้เขาคือคนไทยจริงๆ คนทั้งสองฟาก ต่างเป็นเครือญาติกัน ผมคิดว่ารัฐไทย ไม่ควรเพิกเฉย สมช. และกระทรวงมหาดไทย ควรรีบจัดประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด่วน เพราะตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานรัฐเป็นเจ้าภาพ ในการดูแลคนไทยกลุ่มนี้ เราควรเปิดช่องทางรับพี่น้องคนไทยฝั่งนู้น ให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ปล่อยให้พวกเขาอพยพหนีตายกันตามชะตากรรม ในช่องทางธรรมชาติ ซึ่งอันตรายมาก เพราะอาจเจอกับกองกำลังติดอาวุธกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก็ได้
สำหรับประเด็นนี้ ในโซเชียลมีเดีย มีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลายเลยทีเดียว เช่น
-หมู่บ้านในพม่านะ ไม่ใช่ในประเทศไทย อย่าเพิ่งรีบอ้าแขนรับผู้ลี้ภัย พม่ามันลูกเล่นเยอะการละครสร้างเรื่องเก่งหวังให้ไทยรับผู้อพยพเข้ามาเป็นภาระประเทศ
-แบ่งแยกประเทศกันแล้ว เขาเป็นคนพม่าเชื้อสายไทยครับ ไม่ใช่คนไทย ไทยไม่ได้ทอดทิ้งเขาเขาสมัครใจอยู่เอง
-เสียใจให้ญาติได้ แต่ต้องเข้าใจอดีตคืออดีต ไม่หวนคืนค่ะ ตอนนี้คือดินแดนพม่า
ทั้งนี้ หมู่บ้านสิงขร เคยเป็นดินแดนของประเทศสยาม แต่ในยุคของนักล่าอาณานิคม ประเทศสยาม ต้องเสียดินแดนมะริด ตะนาวศรี ให้กับอังกฤษ และกลายเป็นประเทศพม่าในปัจจุบัน แต่คนไทยในหมู่บ้านสิงขร ยังคงอยู่ในพื้นที่ของบรรพบุรุษ มาจนถึงวันนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น