เปิด 3 ปัจจัยบอร์ด “กคพ.” รับคดีฮั้วเลือกสว. เป็นคดีพิเศษ
ข่าวที่น่าสนใจ
ความคืบหน้ากรณีคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ กคพ.นัดประชุม เพื่อลงมติในคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษในวันที่ 6 มีนาคม 2568 หลังจากก่อนหน้านี้คณะอนุกรรมการด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษได้มีข้อสรุปเสนอให้ กคพ.ให้รับเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากคดีฮั้วเลือกก สว. เป็นความผิดอาญาชัดเจน
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษในวันพรุ้งนี้คาดว่า จะมีความชัดเจนว่า ในเรื่องที่ กคพ.จะรับคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ แม้ว่าก่อนหน้านี้การประชุม กคพ.ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมาได้มีบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษหลายคนไม่ได้เข้าร่วมประชุม แต่นั่นเป็นเพราะว่า การประชุมในครั้งนั้นมีความคลุมเครือในเรื่องขอบเขตอำนาจของดีเอสไอในการทำคดีฮั้วเลือก สว. จึงทำให้หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงในเรื่องข้อกฎหมายโดยมองว่า กกต.น่าจะเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจในเรื่องดังกล่าวหรือไม่
อย่างไรก็ตามมาถึงวันนี้ขอบเขตอำนาจของ ดีเอสไอ ในการกระทำคดีอาญาเรื่องฮั้วเลือก สว.มีความชัดเจนที่จะสามารถเข้าไปทำคดีดังกล่าวได้ โดยมาจากการประชุมคณะอนุกรรมการด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ หรือ คณะอนุกรรมดีเอสไอ เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา โดยการประชุมดังกล่าวโดย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะประธานอนุกรรมการ ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่ดีเอสไอเกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ผู้แทน 4 หน่วย ประกอบด้วย สำนักงานอัยการสูงสุด, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งการประชุมได้ข้อสรุปเกี่ยวกับคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 67 ว่า เป็นความผิดคดีอาญาชัดเจน ในฐานความผิดฐานอั้งยี่ ฟอกเงิน และ ม.116 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ที่มีลักษณะการกระทำความผิดเป็นคดีพิเศษตาม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) (ก) – (จ) จากนั้นที่ประชุมได้นำเสนอบอร์ด กคพ. ให้รับเป็นคดีพิเศษ
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า จากข้อสรุปของคณะอนุกรรมการดีเอสไอส่งผลให้การประชุม กคพ.ในวันพรุ้งนี้เป็นไปได้ 3 แนวทางอย่างแน่นอน คือ 1.การประชุม กคพ.ในวันพรุ้งนี้จะไม่ยืดเยื้อออกไปอีก เนื่องจากภูฒิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม ในฐานะประธาน กคพ. ยืนยันว่า การประชุมในวันพรุ้งนี้จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เพราะไม่ใช่เรื่องการเมือง
2. การประชุมในวันพรุ้งนี้ คกพ.มีแนวโน้มรับคดี.ฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากการสอบสวนของดีเอสไอ และข้อสรุปของคณะอนุกรรรมดีเอสไอระบุชัดเจนว่าเป็นการกระทำผิดคดีอาญาฐานอั้งยี่ ฟอกเงิน และ ม.116 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ที่มีลักษณะการกระทำความผิดเป็นคดีพิเศษตาม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) (ก) – (จ) ของพระราชบัญญัติ การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 แต่อย่างไรก็ตามการจะรับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษก็ต้องขึ้นอยู่กับมติของบอร์ด กคพ.ที่ต้องได้เสียงอย่างน้อย 2 ใน 3 หรือ 15 เสียง จากบอร์ดทั้งหมด 22 คน
3. หากมติ กคพ.มีมติรับเป็นคดีพิเศษ การดำเนินการสืบสวนสอบสวนของ ดีเอสไอ จะเป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมายที่ต้องมีการตั้งพนักงานสอบสวน เรียกผู้ถูกกล่าว และพยานกว่าพันคนมาสอบสวน เมื่อสอบสวนเสร็จสิ้นหากพบว่า มีความผิดจริงก็ต้องสรุปสำนวนส่งอัยการฟ้องต่อศาล ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามที่จริงแท้ที่สุด คือระหว่างการดำเนินคดีของดีเอสไอไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุดนั้นจะไม่มีผลผูกพันต่อความเป็นไปของ สว.ที่ถูกกล่าวหทุกคน เพราะหน่วยงานที่มีอำนาจที่สามารถชี้เป็นชี้ตาย สว.ได้ยังเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่มีอำนาจตามกฎหมาย และนี่คือบทสรุปของการประชุม กคพ.ในวันพรุ้งนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น