เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เป็นประธานการประชุม ติดตามการแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า หลังจากประชุมไปแล้ว 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมในวันนี้ได้หารือถึงการปราบปรามระยะเร่งด่วน และการประชาสัมพันธ์ ปรับปรุงแก้ไขข้อกฎหมาย พร้อมกับนำเสนอมาตรการแก้ปัญหาระยะยาว ทั้งนี้ สถิติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 1-26 กุมภาพันธ์ 2568 มีการจับกุมปราบปรามไปแล้ว 666 คดี ยึดของกลางได้กว่า 4 แสนชิ้น รวมมูลค่า 41 ล้านบาทเศษ ตนจึงสั่งการในที่ประชุมว่าภายในวันพรุ่งนี้ (7 มีนาคม) หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายและปราบปราม เช่น กรมศุลกากร กระทรวงมหาดไทย สคบ. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ที่มีการปิดกั้นเว็บยูอาร์แอลต่างๆ ให้สรุปข้อมูลทั้งหมดไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรวบรวมข้อมูลยอดการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าก่อนนำเรียนนายกรัฐมนตรีทุกสัปดาห์ และจะมีการแถลงข่าวให้ประชาชนได้รับทราบ
นางสาวจิราพร กล่าวว่า ส่วนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจะมีหน่วยงานต่างๆ รับแจ้งเบาะแส เช่น สายด่วน สคบ. 1599 สายด่วนกระทรวงดีอีฯ 1212 หรือศูนย์ดำรงธรรมแต่ละจังหวัด ซึ่งประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสบุหรี่ไฟฟ้าได้ ขณะเดียวกัน สคบ.ได้มีการปรับปรุงเว็บไซต์ เพิ่มแบนเนอร์แจ้งเบาะแสบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะอีกด้วย ขณะที่การแก้ปัญหาระยะยาว สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (ดีจีเอ) กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ให้ประชาชนแจ้งเบาะแส คาดว่าภายใน 1 – 2 สัปดาห์จะแล้วเสร็จ โดยจะมีการรวบรวมเบาะแสต่างๆ ส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ซึ่งแบบฟอร์มนี้จะแสดงยอดการแจ้งเบาะแส และยอดการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อจะได้เห็นความคืบหน้าการทำงานของเจ้าหน้าที่
นางสาวจิราพร กล่าวว่า ส่วนด้านการประชาสัมพันธ์จะสร้างการตระหนักรู้โทษของบุหรี่ไฟฟ้า และข้อกฎหมายต่างๆ จะเน้นไปที่สถานศึกษาซึ่งเป็นข้อกังวลของนายกรัฐมนตรี โดยกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข จะต้องทำงานกันอย่างใกล้ชิด ส่วนการแก้ไขข้อกฎหมายได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานไปดูว่ามีกฎหมายฉบับใดที่ต้องปรับปรุง และในระยะยาวหากจำเป็นจะต้องมีคณะกรรมการเพื่อดูกฎหมายฉบับที่เกี่ยวข้องกันแล้วนำไปแก้ไข นอกจากนี้ ยังหารือถึงการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในระยะยาวที่จะต้องมีประสิทธิภาพ คือการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ซึ่งจะเรียนนายกรัฐมนตรีให้รับทราบตามกรอบระยะเวลา 15 วัน ที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานเรื่องนี้ คือไม่เกินวันที่ 15 มีนาคมนี้ จะได้มีการหารือกันในประเด็นนี้
เมื่อถามว่ามีกรอบระยะเวลาในการดำเนินการเบาะแสที่มีผุ้ร้องเรียนเข้ามาหรือไม่ และหน่วยงานงใดจะเป็นผู้เข้ามาดำเนินการ นางสาวจิราพร กล่าวว่า กรณีมีการเปิดขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์จะมีเอไอคัดกรองและประสานแพลตฟอร์มเพื่อโพสต์หรือร้านค้าออนไลน์ออก ขณะเดียวกันก็จะมีการใช้เอไอเก็บข้อมูลเพื่อประสานไปยังเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการต่อ เพื่อมให้เกิดการดำเนินการให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ได้สั่งการให้ สคบ. เชิญแพลตฟอร์มออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มรวมถึงผู้ประกอบการขนส่งเข้ามากำชับไม่ให้เกิดการขายบุหรี่ไฟฟ้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ผ่านมาได้รับควสามร่วมมืออย่างดี ทั้งนี้จากการสังเกตพบว่าเมื่อมีการแจ้งเบาะแสว่ามีหารขายยุหรี่ไฟฟ้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ก็ถูกดึงออกอย่างรวดเร็ว ด้านผู้ประกอบการขนส่งเองเราก็ได้ให้แนวทางที่จะรับพัสดุโดยให้ผู้ส่งมีพัสดุตรงกับบัตรประชาชน เพื่อที่จะได้เป็นข้อมูลหากเจ้าหน้าที่จะใช้ในการสืบสวนต่อ รวมถึงให้เก้บข้อมูลผู้ส่งสินค้าไว้ 30 วัน ส่วนบางเจ้าที่ใช้เครื่องสแกนในการคัดกรองสินค้าก็จะสแกนให้เข้มงวดขึ้นเพื่อป้องกันการขายบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งนี้ได้เน้นย้ำกับร้านค้าออนไลน์เพื่อปิดกั้นให้มากสุด ไม่ให้ขายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับประชาชนและเยาวชนเข้าถึงยาก
เมื่อถามว่าที่เชิญมามีทั้งหมดกี่แพลตฟอร์มและกี่ผู้ประกอบการ นางสาวจิราพร กล่าวว่า ก็เยอะเหมือนกัน หากแพลตฟอร์มออนไลน์ก็มีทุกเจ้า เช่น ติ๊กต๊อก เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม เอ็กซ์ รวมถึงผู้ประกอบการขนส่งทั้งลาซาด้า ช้อปปี้ และผู้ประกอบการทั้งหมดที่สำคัญที่สคบ. ได้ประสานงานกับผู้ประกอบการที่ร่วมกันตั้งแต่ทำนโยบายเก็บเงินปลายทาง โดยผู้ประกอบการพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันทีและจะมีความเข้มงวดในการดำเนินการเพิ่มขึ้น