ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ ทรูธ โซเชียล แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของตัวเอง เมื่อเช้าที่ผ่านมาตามเวลาในไทย ขู่ฮามาสปล่อยตัวประกันที่ยังมีชีวิตอยู่ และส่งมอบร่างตัวประกันที่ฮามาสฆ่าตายทั้งหมด หรือจะเลือกพบกับจุดจบ เขากำลังจัดส่งทุกสิ่งอย่างที่อิสราเอลต้องการเพื่อปิดจ๊อบ / หากไม่ทำตามที่บอก จะไม่มีสมาชิกฮามาสหน้าไหนปลอดภัยแม้แต่คนเดียว
ทรัมป์ ระบุด้วยว่า นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายสำหรับบรรดาผู้นำฮามาส ให้ออกจากฉนวนกาซาขณะยังมีโอกาส ส่วนผู้คนในกาซา มีอนาคตสวยงามรออยู่ข้างหน้า แต่หากยังขังตัวประกันไว้ จะตายสถานเดียว (you are DEAD!) ขอให้ตัดสินใจอย่างฉลาด ด้วยการปล่อยตัวประกันทั้งหมดตอนนี้ หรือจะชดใช้ด้วยนรกในภายหลัง
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทรัมป์ขู่ฮามาส เมื่อเดือนธันวาคม ก็เคยขู่มาแล้วครั้งหนึ่งว่า นรกแตกแน่ หากฮามาสยังไม่ปล่อยตัวประกันก่อนที่เขาสาบานตนรับตำแหน่ง
คำเตือนล่าสุดมีขึ้นหลังจากทรัมป์พบปะกับกลุ่มอดีตตัวประกัน ที่ได้รับการปล่อยตัวตามข้อตกลงหยุดยิง ที่ทำเนียบขาว และมีขึ้นหลังจาก แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ยืนยันว่า อดัม โบห์เลอร์ ทูตพิเศษสหรัฐฯด้านตัวประกัน กำลังเจรจาโดยตรงกับฮามาส เพื่อพยายามหาทางปล่อยตัวประกัน โดยสหรัฐฯหารือกับอิสราเอลแล้วก่อนหน้านั้น
การเจรจาโดยตรงกับฮามาส เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะสหรัฐฯมีนโยบายที่ยึดถือมายาวนานานว่า จะไม่เจรจาโดยตรงกับกลุ่มที่ถูกขึ้นบัญชีเป็นองค์กรก่อการร้าย และฮามาสก็อยู่ในบัญชีนี้มาตั้งแต่ปี 2540 แต่โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ทรัมป์เชื่อว่า การทำเพื่อประโยชน์ดีที่สุดของชาวอเมริกัน เป็นสิ่งถูกต้อง และทูตพิเศษ โบห์เลอร์ ก็มีบทบาทและอำนาจที่จะคุยกับใครก็ได้
ปัจจุบัน เชื่อว่ายังมีชาวอิสราเอลถือสัญชาติอเมริกัน 5 คน ที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว ในจำนวนนี้ได้รับการยืนยันเสียชีวิตแล้ว 4 ราย เว้น เอดัน อเล็กซานเดอร์ ที่เชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่
บีบีซี อ้างแหล่งข่าวปาเลสไตน์ ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯกับฮามาสสื่อสารกันมาแล้วหลายครั้งก่อนเริ่มเจรจาโดยตรงระหว่างกัน อาซีโอส (Axios) เป็นสื่อแรกที่รายงานเรื่องนี้ โดยระบุว่าสองฝ่ายพบกันที่กาตาร์ เพื่อหารือเรื่องปล่อยตัวประกันชาวอเมริกัน และข้อตกลงยุติสงคราม
ส่วนข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาส หลังจากการหยุดเฟสแรกที่ช่วยให้สงครามสงบลง 6 สัปดาห์ สิ้นสุดลงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังไม่มีความคืบหน้าว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป อิสราเอลต้องการขยายข้อตกลงเฟสแรกออกไปจนถึงกลางเดือนเมษายน ระหว่างนี้ให้ปล่อยตัวประกันที่ยังเหลืออยู่ ทั้งยังมีชีวิตและเสียชีวิต 59 คน แต่ฮามาสยืนกรานต้องการเข้าสู่การเจรจาเฟสสอง เพื่อนำไปสู่การหยุดยิงถาวรและยุติสงคราม อิสราเอลหันไปเพิ่มแรงกดดัน ด้วยการขู่กลับมาทำสงครามแบบเต็มอัตราศึก และปิดกั้นการขนส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปในกาซ่า