“ไอเอฟดีโพล” ชี้ รัฐบาล-นายกฯ อุ๊งอิ๊ง สอบไม่ผ่านครึ่งปีแรก แนะเร่งแก้ 4 เรื่องด่วน กู้ความเชื่อมั่น

"ไอเอฟดีโพล" ชี้ รัฐบาล-นายกฯ อุ๊งอิ๊ง สอบไม่ผ่านครึ่งปีแรก แนะเร่งแก้ 4 เรื่องด่วน กู้ความเชื่อมั่น

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา และนักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริก และนางจิตติมา บุญวิทยา ผู้อำนวยการไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ ร่วมแถลงผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชน ไทยตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เรื่อง ความพึงพอใจการทำงานของนางสาวแพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล จำนวน 1,303 ตัวอย่าง สำรวจ 28 ก.พ. – 3 มี.ค. 2568 ใน 6 ภูมิภาค สุ่ม‍ตัวอย่างความน่าจะเป็นแบบ Stratified Five-Stage Random Sampling ค่าความผิดพลาด 3% ระดับความเชื่อมั่น 95%

 

โดยผลสำรวจ IFD Poll ชี้ รัฐบาลและนายกฯ อุ๊งอิ๊ง คะแนนพึงพอใจต่ำ สำรวจความพึงพอใจต่อการทำงานของรัฐบาลและนายกฯ อุ๊งอิ๊ง 6 เดือนแรก พบว่า ประชาชนไม่พึงพอใจมากและไม่ค่อยพอใจต่อรัฐบาล (66.43%) ขณะที่ประชาชนไม่พึงพอใจมากและไม่ค่อยพอใจต่อนายกฯ อุ๊งอิ๊ง (66.77%) โดย 5 ประเด็นหลักที่ประชาชนไม่พึงพอใจมากและไม่ค่อยพอใจ ดังนี้

ผลประเมินการทำงานรัฐบาล:
1. ขาดความโปร่งใส/ตรวจสอบได้​ ​​​​​69.59%
2. ยังขาดประสิทธิภาพและใช้ทรัพยากรไม่คุ้มค่า​​​​​67.21%
3. ยังไม่สามารถรับมือ แก้ปัญหา ตอบสนองตรงจุด ทันเวลา ​​​66.26%
4. ยังไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจและผลที่ตามมาเท่าที่ควร​​​​66.02%
5. ลำเอียง การไม่ได้ดูแลทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม​​​​​65.45%

ขณะที่ผลประเมินการทำงานนายกรัฐมนตรี แพทองธาร:
1. ขาดความโปร่งใส/ตรวจสอบได้ ​​​​​​68.71%
2. ใช้ทรัพยากรไม่คุ้มค่า/เกิดประโยชน์สูงสุด ​​​​​68.05%
3. ไม่สามารถขับเคลื่อนงาน/นโยบายได้สำเร็จตามเป้าหมาย​​ ​​67.22%
4. เลือกปฏิบัติ สองมาตรฐาน ไม่ยุติธรรม ​​​​​​67.07%
5. ยังไม่ส่งเสริมคนดีเป็นผู้นำและทีมงาน​​​​​​66.92%

ข่าวที่น่าสนใจ

ผลสำรวจเผย รัฐบาลและนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ไม่ผ่านเกณฑ์ในสายตาประชาชน โดยทั้งคู่สอบตก 3 เรื่องคือ 1) ความไม่โปร่งใส 2) ใช้ทรัพยากรไม่คุ้มค่า และ 3) เลือกปฏิบัติสองมาตรฐาน ไม่ยุติธรรม เมื่อพิจารณาการทำงานของรัฐบาล ประเด็นที่ประชาชนไม่‍พึงพอใจมาก (36.24%) คือ ขาดเอกภาพและประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่ประชาชนไม่พึงพอใจการทำงานของนายกฯ 5 อันดับแรก ซึ่งเป็นเรื่องภาวะคุณธรรม 3 เรื่อง ได้แก่ 1) ไม่โปร่งใส 2) เลือกปฏิบัติสองมาตรฐานไม่ยุติธรรม และ 3) ไม่ส่งเสริมคนดีเป็นผู้นำและทีมงาน นับว่าเป็นจุดที่ประชาชนเพ่งเล็งและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

ทั้งนี้ ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมจากผลสำรวจว่า ตนคิดว่าความเห็นประชาชน ณ วันนี้ ที่ไม่ได้สะท้อนว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะไม่ลงคะแนนให้ แต่ขึ้นกับวันนี้จากนี้ไปก่อนเลือกตั้งครั้งหน้าปี 2570 ที่พรรคต่างต้องเร่งเครื่องแข่งขันกัน

 

นอกจากนั้น ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ ยังเสนอว่า การที่รัฐบาลและท่านนายกฯ จะเพิ่มความเชื่อมั่นจากประชาชนได้ จำเป็นต้องแก้ไขและพัฒนาใน 4 ด้านหลัก คือ สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและแก้ปัญหาปากท้องประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและใช้ทรัพยากรคุ้มค่า โปร่งใสตรวจสอบได้ และสร้างความเป็นเอกภาพ/เสถียรภาพของรัฐบาล ดังนี้

1) ปลุกเศรษฐกิจ กู้ปากท้องประชาชน ต้องเร่งปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจให้ทันสมัย บริหารหนี้สาธารณะ หนี้เอกชน และหนี้ครัวเรือนให้มีประสิทธิภาพ พร้อมรับมือการกระชากเปลี่ยนจากนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ และกระแสการเปลี่ยนแปลงโลก การปรับปรุงภาพลักษณ์ของรัฐบาลในเวทีระหว่างประเทศ การผลักดันมาตรการขับเคลื่อนการผลิตและการบริโภคสินค้าภายในประเทศ ทำให้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและราคาที่แข่งขันกับสินค้าจากภายนอกประเทศได้ รวมถึงลดการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีตามโควตาพรรคการเมือง แต่เป็นการคัดเลือกคนดีมีฝีมือที่มีความสามารถจริง แม้เป็นคนนอก เข้า‍มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง

2) เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและใช้ทรัพยากรคุ้มค่า รัฐบาลต้องจัดลำดับความสำคัญในการใช้งบประมาณที่จำกัดได้มีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และเพิ่มเม็ดเงินให้ภาคการผลิตที่สร้างมูลค่าจริง ไม่ใช่หว่านงบประมาณแบบไร้‍ทิศทาง โครงการประชานิยมที่ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แท้จริงต้องถูกทบทวน มุ่งเน้นนโยบายและลงทุนในโครงการที่สร้าง‍ประโยชน์และความแข็งแกร่งให้กับประเทศทั้งในปัจจุบันและอนาคต

 

3) โปร่งใสคือทางรอด สร้างความเชื่อมั่นแบบทวีคูณ! ปัญหาทุจริตกัดกินประเทศมานานถึงเวลาที่รัฐบาลต้องลงมือจริงจัง! ทุก‍กระทรวงต้องเปิดเผยข้อมูลการใช้เงินรัฐ ตรวจสอบโครงการที่ส่อแววทุจริต ปฏิรูประบบราชการให้ปราศจากการ‍แทรกแซงของกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง สร้างกลไกตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ อุดช่องโหว่ระหว่างภาคการเมืองและราชการ ถ้ารัฐบาลต้องการความเชื่อมั่น ประชาชนต้องมั่นใจว่าเงินภาษีทุกบาทถูกใช้เพื่อพัฒนาประเทศ ไม่ใช่เติมกระเป๋าของกลุ่มคนบางกลุ่ม และ

4) พรรคร่วมรัฐบาล อย่าทิ้งกันกลางทาง ประชาชนส่งเสียงดังฟังชัด ไม่พอใจรัฐบาลทั้งทีม โดยพรรคร่วมรัฐบาลไม่อาจปัดความ‍รับผิดชอบ ทุกพรรคต้องร่วมกันสร้างเอกภาพ ลดความขัดแย้งทางการเมือง และแสดงให้เห็นว่าการบริหารประเทศต้องมาก่อนเกมอำนาจ ต้องปรับวัฒนธรรมการเมืองให้สร้างสรรค์ หยุดแบ่งพวกแบ่งพรรคเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ประสานงานกันให้เป็นระบบ วางทิศทางที่ชัดเจน สื่อสารกับประชาชนอย่างโปร่งใส มุ่งทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประเทศมากกว่าการรักษาอำนาจ เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นจากประชาชนและนำพาประเทศไปข้างหน้า

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

หนุ่มบราซิลเคราะห์ร้ายถูกงูจงอางงับอวัยวะเพศ
กกต.ยกคำพิพากษา "ศาลอาญาคดีทุจริตฯ" โต้ปมโพยฮั้ว ชี้ไม่มีกม.ห้ามผู้สมัครสว. พกเอกสารเข้าพื้นที่ลงคะแนน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) 'สะพานงู' 500 ปีที่จีนโผล่ให้เดินเฉพาะฤดูใบไม้ผลิ-ร้อน
สหรัฐฯชะลอเก็บภาษีรถจากเพื่อนบ้าน 1 เดือน
บินรบเกาหลีใต้ซ้อมทิ้งระเบิดพลาดเจ็บระนาว-คนไทยโดนลูกหลง
สหรัฐฯคุยฮามาสโดยตรงหาทางปล่อยตัวประกัน-ทรัมป์เตือนครั้งสุดท้าย
ฝรั่งเศสเล็งขยายป้องปรามนิวเคลียร์แก่อียู
"นฤมล" นำเปิดเวทีสัมมนา เอเซียแปซิฟิก "เสริมพลังหญิงเพื่อระบบเกษตร-อาหาร" ย้ำสำคัญสตรีไทยเชื่อมสากลโลก
"ทางการจีน" จัด 6 เที่ยวบิน รับแก๊งคอลฯ "ชาวจีน" กลับไปดำเนินคดีที่บ้านเกิด
"แม่ทีม" แฉขบวนการผู้ป่วยทิพย์ "รพ.ทหารผ่านศึก" แบบละเอียดยิบ เผยโดนเตือนสติเลยเลิกทำ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น