“ไอซ์ รักชนก” บุกสปส. โวยใช้เงิน 7 พันล้าน ลงทุนซื้อตึกแค่ 4 พันล้าน – Top News รายงาน
เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2568 เวลาประมาณ 09.30 น.ที่อาคาร Skyy9 ถ.พระราม 9 กทม. 2 สส.พรรคประชาชน (ปชน.) ได้แก่ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. และนายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี เดินทางไปแถลงข่าวเกี่ยวกับการลงทุนของกองทุนประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม (สปส.) กว่า 7 พันล้านบาท ในการเข้าซื้ออาคารที่มีมูลค่าราว 3 พันล้านบาท
โดย น.ส.รักชนก กล่าวว่า การดำเนินงานของ สปส.ไม่ว่าจะเป็นการใช้งบบริหารสำนักงานกว่า 6 พันล้านบาท หรือ 3% อยู่ในความดำมืด ไม่โปร่งใส หรือการติดขัดปัญหาเอกสารต่าง ๆ รวมถึงการที่ประชาชนตั้งคำถามว่าทำไมสิทธิการรักษาของประชาชน ด้อยกว่าบัตรทอง รวมถึงตั้งคำถามถึงการทำงานของบอร์ดแพทย์ และประเด็นมาตรา 39 เรากำลังผลักดันให้ประชาชนกดดันให้สูตรบำนาญนี้ผ่านไปได้ อีกเรื่องคือ การลงทุนของกองทุนประกันสังคมนี่คือหัวใจหลัก การที่กองทุนจะอยู่ได้อีก 25 ปีแล้วจะล้มหรือไม่ ขึ้นอยู่ว่าการนำเงินในกองทุนไปจัดการบริหารอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ นั่นหมายถึงเงิน 2.6 ล้านล้านบาทในกองทุน วันนี้เป็นแค่พาร์ทหนึ่ง ทำให้เห็นว่า การลงทุนของ สปส.มีปัญหาธรรมาภิบาลอย่างไร
น.ส.รักชนก กล่าวอีกว่า สปส. ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เล่นแร่แปรธาตุซื้อตึกมูลค่า 3 พันล้านบาท ในราคา 7 พันล้านบาท อย่างถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง แต่ต้องคำถามว่าความคุ้มค่าเป็นอย่างไร กองทุนประกันสังคม นอกจากลงทุนในตลาดได้ ก็สามารถที่จะลงทุนสิ่งที่เรียกว่าลงทุนนอกตลาดหุ้น คือการซื้ออสังหาริมทรัพย์ คือการลงทุนในตึก เนื่องจากในปี 2565-2566 สปส.ใช้เงินกว่า 7 พันล้านบาท ซื้อตึกสำนักงานใหญ่แห่งหนึ่ง ย่านพระราม 9 และตึกนี้ไม่ใช่ตึกที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ ในอดีตช่วงต้มยำกุ้งเคยเป็นตึกร้างมาก่อน และมีบริษัทที่เข้าไปซื้อตึกนี้มารีโนเวท ราวกับว่ามันประจวบเหมาะพอดี กองทุนประกันสังคมก็ปรับแก้ระเบียบต่าง ๆ แล้วทำการศึกษา แล้วเป็นที่มาของการตัดสินใจลงทุน ตึกแห่งนี้ในช่วงปลายปี 2565 ที่ตัดสินใจซื้อมา ต้องบอกว่า อัตราการเข้าทำกำไร หรืออัตราการเช่าอยู่ที่ 1% เท่านั้น และก่อนมีการตัดสินลงทุนซื้อตึกนี้ มีการทำแผน โดยแผนดังกล่าวสวยหรูเกินจริงมาก ระบุว่า ผลตอบแทนที่จะได้อย่างเหมาะสม
“เมื่อเริ่มดำเนินการจริง เนื่องจากมีผู้เช่าในปีแรก 1-2% หลังจากนั้นผ่านไป 2 ปีมีผู้เช่าปัจจุบัน ตัวเลขที่ สปส.รายงาน มีคนเช่าใช้ตึก 40% แต่ต้องบอกว่าน่าสงสัย มีการเบ่งมาแล้ว มีการเก็บตัวเลขที่คาดเดา ผู้ใช้ในอนาคตรวมตรงนี้ด้วย ตัวเลขจริง ๆ อาจต่ำกว่า 40% อาจอยู่ที่ 20-30% เท่านั้นเอง” น.ส.รักชนก กล่าว