“อัล โจลานี” โดนเจาะยาง กลุ่มต้านลุกฮือสู้ สลดถูกปลิดชีพ 1,500 ศพ
ข่าวที่น่าสนใจ
สถานการณ์วุ่นวายอย่างหนักในซีเรีย ที่เริ่มมาตั้งแต่วันพฤหัสฯ ระหว่าง กองกำลัง SDF (Syrian Democratic Forces) กลุ่มที่ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด และ กองกำลังของรัฐบาลซีเรีย … ในภูมิภาคอะลาวิต จนเกิดการสังหารหมู่ขึ้น เริ่มต้น จากการจับกุมผู้ต้องสงสัยที่ต้องการตัว ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่มีชาวอลาวิต (Alawite) อาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่…
ล่าสุด ฮัสซัน อับดุล กานี โฆษกกระทรวงกลาโหมของซีเรีย ออกแถลงการณ์ ผ่าน X เกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในประเทศ โดยระบุว่า ภัยคุกคามต่อความปลอดภัย ใน”ลาตาเกีย”และ”ทาร์ตูส” บรรเทาลงแล้ว และหลังจาก ประสบความสำเร็จ ในการขจัดภัยคุกคามด้านความปลอดภัยแล้ว เราก็ขอประกาศยุติปฏิบัติการทางทหาร โดยเราสามารถควบคุมการโจมตีที่เหลืออยู่ของเจ้าหน้าที่ และระบอบการปกครองที่ถูกโค่นล้ม (ระบอบอัสซาด) เราสามารถผลักดันพวกเขา ออกจากจุดสำคัญได้แล้ว
อับดุล กานี ระบุต่อว่า เรากำลังเตรียมการ เพื่อให้ชีวิตกลับคืนสู่ภาวะปกติ และเพื่อความมั่นคง รวมถึง เพื่อเสถียรภาพด้วย ขณะนี้ ทางการ มีแผนที่จะต่อสู้กับกลุ่มที่เหลืออยู่ของรัฐบาลชุดก่อน … และกำจัดภัยคุกคามในอนาคตต่อไป นอกจากนี้ ทางกองกำลังรักษาความปลอดภัย ก็จะให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการสอบสวน โดยให้สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมด เพื่อเปิดโปงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น , ตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ความยุติธรรมแก่ผู้ที่ถูกกระทำ
ส่วนในเขตอัลอัชราฟียะห์ เมืองอาเลปโป ทางตอนเหนือของซีเรีย มีรายงานก็เกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดเช่นกัน ในโซนนี้ กองกำลัง HTS ของรัฐบาลซีเรีย ต้องสูญเสียอย่างหนัก ซึ่งต่างกับเหตุการณ์ในลาตาเกีย เมืองชายฝั่งตะวันตกของซีเรีย ที่รัฐบาลซีเรีย มีความได้เปรียบอยู่บ้าง แต่ในทิศทางอาเลปโป ซึ่งเป็นนักรบ SDF นั้น ผ่านการรบมาอย่างโชกโชน และปฏิบัติการจากตำแหน่งที่มีป้อมปราการ ทำให้การเผชิญหน้ามีความเข้มข้นมาก
ด้าน กลุ่มสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรีย รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรง ที่เริ่มมาตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว เกือบ 1,500 คน โดยพลเรือนส่วนใหญ่กว่า 830 คน ถูกสังหารจาก กองกำลังรักษาความปลอดภัยของรัฐบาล อัลโจลานี และกลุ่มพันธมิตร ในพื้นที่ใจกลางของชนกลุ่มน้อยอาลาวี ซึ่งเป็นชนกลุ่มเดียวกับ อดีตประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ที่ถูกโค่นล้มอำนาจไปแล้ว
ด้านประธานาธิบดีซีเรีย อัคเหม็ด อัล-ชารา อดีตผู้นำกบฏซีเรีย กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เราต่อสู้เพื่อปกป้องผู้ที่ถูกกดขี่ ดังนั้น เราจะไม่ยอมรับการนองเลือดใด ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ยุติธรรม และจะไม่ยอมรับ หากไม่มีการลงโทษ หรือการรับผิดชอบ แม้แต่ในหมู่ผู้ที่ใกล้ชิดที่สุดของเราก็ตาม ทั้งนี้มีหลายฝ่ายกระทำการละเมิดหลายครั้ง มันกลายเป็นโอกาสในการแก้แค้นไปแล้ว อย่างไรก็ดี อัล-ชารา ก็ได้ยอมรับว่า มีการโจมตี โดยกองกำลังของรัฐบาล เกิดขึ้นแล้วด้วย
อัล-ชารา ระบุต่อว่า มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เสียชีวิต 200 นาย แต่ยังไม่สามารถระบุยอดผู้เสียชีวิตโดยรวมได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยคณะกรรมการอิสระ สำหรับคณะกรรมการอิสระนั้น รวมถึง สมาชิกชาวอลาวี ชนกลุ่มเดียวกันกับ อดีตประธานาธิบดีอัสซาดด้วย
คณะกรรมการอิสระนี้ ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และได้รับมอบหมายให้สืบสวนการสังหารหมู่ ภายใน 30 วัน รวมถึง ระบุตัวผู้ก่อเหตุ นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งคณะกรรมการชุดที่ 2 ขึ้น เพื่อรักษาสันติภาพและการปรองดองระหว่างพลเมืองต่อไปด้วย
อัลชารา กล่าวก่อนหน้านี้ว่า พวกเรามาถึงช่วงเวลาสำคัญในระยะเปลี่ยนผ่านการปกครอง แต่พวกเรายังต้องเผชิญกับภัยคุกคามใหม่คือ ความพยายามจากกลุ่มอำนาจเก่า ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากต่างชาติ เข้ามาปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกรอบใหม่ หวังผลักดันซีเรียให้กลับเข้าสู่สงครามกลางเมืองอีกครั้ง สร้างความแตกแยกในสังคม และทำลายเอกภาพและความมั่นคงของประเทศ ขณะที่ นักวิเคราะห์ ระบุว่า เป็นเหตุปะทะกันที่รุนแรงที่สุดในซีเรีย นับตั้งแต่ รัฐบาลอัสซาด ถูกโค่นล้ม เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี มีรายงานด้วยว่า อัล-จูลานี ผู้นำซีเรีย ที่มาจากการแต่งตั้งตนเอง มีคำสั่งให้กองกำลังของรัฐบาลทั้งหมด “ห้าม” บันทึกภาพการกระทำอันโหดร้าย เพื่อพยายามควบคุมเรื่องราวที่เกิดขึ้น และลดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของตนให้เหลือน้อยที่สุด เนื่องจาก จูลานี เกรงว่า หลักฐานที่บันทึกไว้ จะเปิดเผยความโหดร้ายของพวกเขามากขึ้น และทำให้ฐานเสียงของพวกเขาอ่อนแอลง
เอเอฟพี รายงานเพิ่มเติมว่า อิหร่าน ออกมาปฏิเสธเสียงแข็งว่า ไม่ได้อยู่เบื้องหลังความปั่นป่วนในซีเรีย โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน อิสมาอิล บาคาอี (Esmaeil Baqaei) แถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ (10 มี.ค.) ชี้ว่า ข้อกล่าวหาเป็นสิ่งที่น่าขบขัน และว่า การชี้นิ้วขอมาที่อิหร่านและพันธมิตรของอิหร่าน เป็นการตอบที่ผิดพลาด
เอเอฟพี ชี้ว่า การปะทะที่นำไปสู่การเสียชีวิตกว่า 1,500 คน ส่งผลทำให้เกิดความสงสัยต่อความสามารถในการปกครองซีเรียของรัฐบาลกลุ่มกบฏรักษาการ ในสายตาต่างประเทศ
ไฮโก วิมเมน (Heiko Wimmen ) จากองค์กร ธิงแทงก์ International Crisis Group แสดงความเห็นว่า ความรุนแรงล่าสุด แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลซีเรียชุดใหม่ ไม่มีความสามารถในการจัดการกับความท้าทายมากมายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น