หลังจากที่ โดนัล ทรัมป์ ประกาศสงครามการค้า รีดภาษีหลายชาติ เช่น แคนาดา จีน เม็กซิโก อาจจะรวมถึง อินเดีย และไทย ด้วยนั้น จีน และ แคนาดา ก็ตอบโต้กลับเอาคืนสหรัฐ ด้วยการตั้งกำแพงภาษีเช่นกันเดียวกัน
ทั้งนี้ สื่อสหรัฐหลายสำนัก ต่างรายงานไปในทิศทางเดียวกันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ได้ปรากฏตัวบนกล้องสื่อ ในวันจันทร์ (10 มี.ค.68) ตามเวลาในสหรัฐ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น ในขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐ ร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ เศรษฐกิจสหรัฐอาจเกิดภาวะถดถอย หลังจาก ประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่ว่า นโยบายการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศต่าง ๆ ของเขา จะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 4.0% เมื่อปิดตลาด ซึ่งเป็นการขาดทุนในวันเดียวครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ ปี 2022 และมีการขาดทุนอย่างหนักในตลาดอื่น ๆ โดยหุ้นร่วงลงมากที่สุด คือ หุ้นด้านเทคโนโลยี
ส่วน หุ้นของ Tesla ร่วงลงประมาณ 15.4% ขณะที่ Nvidia ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ หุ้นปรับลดลงมากกว่า 5% เช่นเดียวกับ หุ้นเทคโนโลยีหลักอื่น ๆ รวมถึง Meta , Amazon และ Alphabet ก็ร่วงลงด้วยเช่นกัน
การเทขายหุ้นจำนวนมากนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีศุลกากรของทรัมป์ ในการสัมภาษณ์กับ ทีวีฟ็อกซ์นิวส์ ที่ออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ กล่าวว่า ไม่อยากคาดเดาว่า อะไรจะเกิดขึ้นแบบนั้น มันจะมีช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่าน เพราะสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นยิ่งใหญ่มาก เรากำลังนำความมั่งคั่งกลับคืนสู่อเมริกา นั่นเป็นเรื่องใหญ่”
อย่างไรก็ดี ทรัมป์ ไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ เพิ่มเติมอีกเกี่ยวกับเศรษฐกิจ หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงครั้งใหญ่ แม้ว่า เขาจะโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียของตนเองมากมาย ทรัมป์ ยังไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะเลย และไม่ได้มีแถลงการณ์ใด ๆ เกี่ยวกับตลาดหุ้น แต่แชร์บทความเชิงบวกเกี่ยวกับตัวเอง และแชร์ภาพของโพสต์จากพันธมิตรในพรรครีพับลิกัน ที่ยกย่องความเป็นผู้นำของเขา เท่านั้น