พนักงานที่ยังเหลืออยู่ขององค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หรือ USAID ได้รับอีเมล ติดโลโก้ของ USAID ลงชื่อ อีริกา คาร์ รักษาผู้อำนวยการหน่วยงาน แสดงความขอบคุณทีมงานที่ช่วยกันรื้อเก็บเอกสารจัดชั้นความลับ และเอกสารส่วนบุคคล ที่สำนักงานใหญ่ ในกรุงวอชิงตันดีซี และแจ้งให้ไปรวมตัวกันที่ลอบบี้สำนักงานใหญ่ฯ ในวันอังคาร (11 มีนาคม) เพื่อทำลายเอกสารเหล่านั้นตลอดวัน
เนื้อหาในอีเมล ระบุว่า ให้ทำลายเอกสารให้ได้มากที่สุดก่อน หากเครื่องทำลายเอกสารใช้งานไม่ได้หรือต้องพักเครื่อง ให้เก็บเอกสารเหล่านั้นไว้ในถุงเผา ( หรือ burn bag ถุงกระดาษสำหรับใส่เอกสารเตรียมเผาทำลาย) และหากต้องใช้ถุงเผา อย่าใส่เอกสารไว้จนล้น และให้ปิดปากถุงด้วยลวดเย็บกระดาษ การเขียนฉลากบนถุงเผาเพียงอย่างเดียวที่ทำได้ คือคำว่า ‘SECRET’ และ ‘USAID(B/IO)’ (ย่อจาก -bureau, or independent office) โดยใช้ปากกาเมจิกสีเข้มหากเป็นไปได้
สหภาพที่เป็นตัวแทนของพนักงานคู่สัญญา USAID ซึ่งหลายพันคนถูกปลดหรือเลิกจ้างแล้ว ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้หยุดทำลายเอกสารเพื่อรักษาหลักฐาน โดยในคำฟ้องระบุว่า ผู้ฟ้องมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องรักษาเอกสารเหล่านั้น ภายใต้กฎหมายเอกสารบันทึกรัฐบาลกลาง (Federal Records Act) และภายใต้โครงการจัดการเอกสารของ USAID ทั้งยังมีหน้าที่ในการเก็บรักษาหลักฐานสำหรับการดำเนินคดีทางกฎหมาย ผู้พิพากษา คาร์ล นิโคลส์ แห่งศาลรัฐบาลกลาง มีคำสั่งให้รัฐบาลชี้แจงประเด็นนี้ภายในวันพุธตามเวลาท้องถิ่น
การรวบรวม จัดเก็บ และทำลายเอกสารจัดชั้นความลับ หรือเอกสารรัฐบาลกลาง มีกฎหมายกำกับใกล้ชิด การจัดเก็บหรือทำลายอย่างไม่เหมาะสม ถือเป็นความผิดอาญา
เกรกอรรี มีคส์ ส.ส.เดโมแครตที่นั่งในคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวหารัฐบาลทรัมป์ ว่าไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย การทำลายและเผาเอกสาร USAID และข้อมูลส่วนบุคคล ดูเหมือนเป็นวิธีกำจัดหลักฐานการกระทำผิดกรณีรัฐบาลยุบหน่วยงานผิดกฎหมาย ด้าน สมาคมบริการต่างประเทศอเมริกัน ซึ่งเป็นตัวแทนของพนักงาน USAID อีกองค์กรหนึ่ง ระบุในแถลงการณ์ว่า รู้สึกตกใจที่เห็นข่าวนี้ และเตือนว่าเอกสารเหล่านั้น อาจเกี่ยวข้องกับคดีฟ้องร้องกรณีปลดพนักงานและยุติโครงการต่าง ๆ ของ USAID
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยังไม่ตอบคำถามเรื่องอีเมล และคำถามที่ว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายหรือไม่ในการทำลายเอกสาร