ลินดา แมคมาฮอน รัฐมนตรีศึกษาสหรัฐฯ แถลงว่า กระทรวงศึกษามีแผนเลิกจ้างพนักงานลงราวครึ่งหนึ่ง จากทั้งหมดกว่า 4 พันคน การลดพนักงานจะกระทบทุกแผนก และถือเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจสุดท้ายของกระทรวงฯ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เสียภาษี นักการศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครองและนักศึกษาได้ดียิ่งขึ้น แต่โครงการที่ดำเนินอยู่จะไม่ได้รับผลกระทบ เช่น เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา
ประธานาธิบดีทรัมป์ ต้องการยุบกระทรวงศึกษาฯมานานแล้ว และถือเป็นเป้าหมายหลักของฝ่ายอนุรักษ์นิยม แต่การทำเช่นนั้นได้ต้องอาศัยความเห็นชอบจากสภาคองเกรส แมคมาฮอน กล่าวว่า การลดจำนวนพนักงานในกระทรวงฯเพื่อลดความอุ้ยอ้าย ถือเป็นก้าวแรก
ณ เวลาที่ทรัมป์สาบานตนรับตำแหน่ง กระทรวงศึกษาแถลงว่า กระทรวงฯ มีพนักงาน 4 พัน 133 คน น้อยที่สุดในบรรดาหน่วยงานระดับเดียวกัน 15 แห่ง ในช่วงแรกที่รัฐบาลทรัมป์ประกาศลดขนาดภาครัฐแบบครั้งใหญ่ มีพนักงานกระทรวงฯทั้งที่เกษียณและตกลงรับข้อเสนอลาออกโดยสมัครใจแล้ว 600 คน ที่เหลืออีกกว่า 1 พัน 300 คน จะถูกสั่งพักงานในวันที่ 21 มีนาคม แต่จะได้รับค่าจ้างและสิทธิประโยชน์ตามปกติจนถึง 9 มิถุนายน หลังแผนการนี้เสร็จสิ้น กระทรวงฯจะเหลือพนักงาน 2 พัน 183 คน
กระทรวงศึกษาสหรัฐฯ ก่อตั้งในปี 2522 บริหารงบประมาณปีละ 2 แสน 3 หมื่น 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กำกับดูแลการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนสถาบันการศึกษา เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา และดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษารายได้น้อย
ระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์ประกาศจะกระจายอำนาจการศึกษา โยกอำนาจจากส่วนกลางไปให้กับรัฐบาลระดับรัฐ อ้างว่าเพื่อให้นักเรียนได้รับการศึกษาที่ดีขึ้น แต่ในความเป็นจริง รัฐบาลกลางมีบทบาทด้านการศึกษาอย่างจำกัด งบประมาณและการวางหลักสูตร เป็นความรับผิดชอบของรัฐและเขตการศึกษาท้องถิ่น กระทรวงศึกษาฯ เพียงสนับสนุนงบประมาณให้กับโรงเรียนประถมและมัธยม ในสัดส่วนแค่ 13% งบส่วนใหญ่มาจากรัฐและองค์กรท้องถิ่น กระนั้น งบจากรัฐบาลกลางมีความสำคัญมากกับโรงเรียนที่มีรายได้น้อย และนักเรียนนักศึกษาที่มีความต้องการพิเศษ อีกหน้าที่ที่สำคัญคือการปกป้องสิทธิพลเรือนให้กับนักเรียน