หลังจากเมื่อปลายสัปดาห์ ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ออกมาบอกว่า ได้เขียนหนังสือ ถึง อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เรียกร้องให้ เตหะราน บรรลุข้อตกลงกันใหม่เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน โดยมี 2 ทางเลือก คือ ทางทหาร หรือ การทูต แต่ก็เตือนถึงความเป็นไปได้ในการใช้ปฏิบัติการทางทหาร … หาก”อิหร่าน”ปฏิเสธ…
ล่าสุด สื่อทางการอิหร่าน รายงานอ้างถ้อยแถลงของ ประธานาธิบดี เปเซชเคียน ว่า การที่ สหรัฐ มาออกคำสั่งและคำขู่กับอิหร่าน ต้องทำอย่างนั้น ห้ามทำอย่างนี้ เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และเขาจะไม่ยอมเจรจาใด ๆ ทั้งสิ้น / ส่วน ทรัมป์ อยากจะทำบ้าอะไรก็เชิญเลย …..
ส่วนทางด้าน โมฮัมหมัด เรซา อาเรฟ รองประธานาธิบดีคนที่หนึ่ง กล่าวด้วยว่า อิหร่านมั่นคงในนโยบายนิวเคลียร์ และย้ำว่า จะไม่ปรึกษาหารือ หรือ รับคำสั่ง” จากใครทั้งสิ้น แก่นแท้ของวัฒนธรรมอิหร่าน คือการแสวงหาความรู้ แม้แต่ในส่วนที่ห่างไกลที่สุดของโลก เราจะต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงให้เกิดประโยชน์สูงสุด และทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้ รวมถึงอารยธรรมอิหร่าน ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันเสาร์ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ออกมาประกาศกร้าวเช่นกัน ว่า อิหร่าน จะไม่ยอมถูกรังแก เพื่อให้เข้าสู่การเจรจา พร้อมกล่าวประณามสหรัฐ โดยระบุว่า เป็น”กลยุทธ์อันธพาล” ซึ่งก็ไม่รู้ว่า จะมีคำจำกัดความที่เหมาะสมกว่านี้อีกไหม …. การยืนกรานที่จะเจรจากันแก้ปัญหานิวเคลียร์ของสหรัฐนั้น ไม่ได้มุ่งหวังแก้ไขปัญหา แต่มันเป็นแสดงอำนาจเหนือกว่าก็เท่านั้นเอง อิหร่าน ขอปฏิเสธที่จะเจรจา แม้ว่าพวกเขาจะแสดงความพร้อมก็ตาม …….
คาเมเนอี กล่าวหา พวกมหาอำนาจอันธพาล จงใจกำหนดเงื่อนไขใหม่ ๆ ที่ไม่คาดหมายว่าอิหร่านจะทำตามได้ พวกเขากำหนดเงื่อนไขใหม่ ๆ ที่พวกเขาคิดว่า อิหร่าน จะไม่มีทางทำตามได้อย่างแน่นอน รัฐบาลที่รังแกเหล่านี้ ไม่ได้ต้องการเจรจาเฉพาะประเด็นนิวเคลียร์เท่านั้น แต่พวกเขาใช้การเจรจา เป็นช่องทางในการสร้างความคาดหวังใหม่ในด้านต่าง ๆ เช่น ศักยภาพในการป้องกันประเทศของอิหร่าน และศักยภาพในระดับนานาชาติ ซึ่งอิหร่าน จะต่อต้านอย่างแน่นอน ซึ่งพวกเขา กำลังหยิบยกประเด็นการเจรจาขึ้นมาเพื่อกดดันความคิดเห็นของประชาชน ดังนั้น อิหร่าน จึงปฏิเสธที่จะเจรจากับพวกเขา แม้ว่า พวกเขาจะแสดงความพร้อมก็ตาม ทั้งนี้ มีรายด้วยด้วยว่า รัฐบาลอิหร่าน ออกแถลงการณ์ว่า ขณะนี้ กองทัพอิหร่าน สามารถสร้างหัวรบนิวเคลียร์ได้แล้ว โดยใช้เวลา เพียงแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น ……..
ทั้งนี้ ทรัมป์ พูดเรื่องนี้ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับ ฟ็อกส์ บิสเนส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยบอกว่า พร้อมเจรจาทำความตกลงกับอิหร่าน แต่ก็บอกด้วยว่า มีสองทางให้อิหร่านเลือก คือทำข้อตกลงเพื่อป้องกันอิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง หรือจะเจอกับแรงกดดันเต็มพิกัด แบบที่เขาเคยใช้ในสมัยแรก ที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ทำให้ อิหร่าน ถูกโดดเดี่ยวจากระบบเศรษฐกิจโลก และการส่งออกน้ำมันถดถอยจนเป็นศูนย์
อิหร่าน ไม่เคยยอมรับว่า ต้องการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ IAEA เตือนว่า อิหร่าน เร่งเสริมสมรรถนะแร่ยูเนียมให้บริสุทธิ์ แตะระดับ 60% เข้าใกล้เกรดผลิตอาวุธที่ต้องเสริมสมรรถนะที่ระดับ 90%
อิหร่าน เร่งมือพัฒนานิวเคลียร์มาตั้งแต่ปี 2562 ราว 1 ปี หลังจาก ทรัมป์ ขึ้นเป็นผู้นำสหรัฐฯสมัยแรก ฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์ประวัติศาสตร์ ที่อิหร่านทำกับ 6 ประเทศ รวมถึง สหรัฐ ในสมัยประธานาธิบดี บารัก โอบามา ในปี 2558 สาระสำคัญคือ ประเทศตะวันตก จะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร แลกกับการยับยั้งโครงการนิวเคลียร์
ล่าสุด สหรัฐ ยังเพิ่มแรงกดดันอิหร่านให้เจรจา ด้วยการยกเลิกข้อยกเว้นในมาตรการคว่ำบาตร ที่อนุญาตให้อิรักซื้อไฟฟ้าจากอิหร่านได้ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ออกแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ ว่า (9 มีนาคม) จะไม่ต่ออายุข้อยกเว้นในมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว เพื่อให้แน่ใจว่า อิหร่าน จะไม่ได้รับการผ่อนปรนทางการเงิน หรือเศรษฐกิจใด ๆ ทั้งนี้ อิหร่านป้อนไฟฟ้าและก๊าซ 1 ใน 3 ของความต้องการในอิรัก และถือเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญระดับหนึ่งสำหรับรัฐบาลเตหะราน
การตัดสินใจยุติข้อยกเว้นของอิรักนั้น ทำให้มั่นใจว่า สหรัฐ ไม่เปิดทางให้อิหร่าน ได้รับการบรรเทาทางเศรษฐกิจ หรือการเงิน การดำเนินการของทรัมป์ที่มีต่ออิหร่าน มีเป้าหมายเพื่อยุติภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์ จำกัดโครงการขีปนาวุธพิสัยไกล และหยุดการสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย