BBC, AP และ AFP รายงานว่านางเออร์ซูล่า ฟอน เดอร์เลเยน ประธานคณะกรรมการยุโรป (EC) ออกแถลงการณ์ในวันนี้ (พุธที่ 12 มีค.) โดยประกาศว่าอียูจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตรา 25% โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 1 เมษายนที่จะถึงนี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบโต้มาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐที่มีผลบังคับใช้ในเวลา 00.01 นาฬิกาของเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น (พุธที่ 12 มีค.) ในอัตราร้อยละ 25 และมีมูลค่าราว 2 หมื่น 8 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ ถือเป็นการประกาศสงครามการค้าระหว่างอียูกับสหรัฐซึี่งเป็นพันธมิตรสำคัญทั้งในการค้าและยุทธศาสตร์
เดอร์เลเยนกล่าวว่ากำแพงภาษีหรือภาษีศุลกากรเป็นอุปสรรคต่อการค้าและธุรกิจ และไม่เป็นผลดีต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ก็ยังส่งผลกระทบต่อระบบห่วงโซ่อุปทานและสร้างความไม่แน่นอนให้กับระบบเศรษฐกิจ และว่าอียูจะไม่เพียงจะเก็บภาษีสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมเท่านั้น แต่จะครอบคลุมไปถึงสิ่งทอ, เครื่องใช้ภายในบ้านและผลิตภัณฑ์การเกษตรในมูลค่า 2 หมื่น 8 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐเท่ากับที่สหรัฐเรียกเก็บ
อย่างไรก็ตาม เดอร์เลเยนกล่าวว่าอียูพร้อมจะเปิดเจรจาเพื่อแก้ปัญหาร่วมกับสหรัฐ โดยช่วง 2 สัปดาห์แรกจะมอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องไปกำหนดสินค้าที่จะเรียกเก็บและข้อกำหนดต่างๆ และจะเริ่มบังคับใช้อย่างเต็มที่ช่วงกลางเดือนเมษายน
นโยบายกำแพงภาษีเหล็กและอลูมิเนียมของทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อออสเตรเลีย, แคนาดา, อียู, ญี่ปุ่น, จีน, บราซิลและเม็กซิโก ทั้งนี้ทรัมป์เชื่อว่าการเรียกเก็บภาษีจะช่วยปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กสหรัฐและแรงงานอเมริกัน ที่เผชิญกับการแข่งขันอย่างรุนแรงโดยเฉพาะจากภูมิภาคเอเชีย