เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับบล็อกเกอร์สหรัฐฯ ที่มีรายการเผยแพร่แบบพอดแคสต์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่ารัสเซียให้คุณค่าความสัมพันธ์กับจีนอย่างลึกซึ้ง และจะปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างกันอย่างครบถ้วน
.
ทั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวถึงเรื่องความสัมพันธ์กับจีน เมื่อถูกขอให้แสดงความเห็นกับการกล่าวอ้างที่ว่า อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ด้วยการผลักดันรัสเซียไปใกล้ชิดกับจีนผ่านนโยบายสงครามในยูเครน และหลายฝ่ายมองว่า การดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เลียนแบบประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ที่สานสัมพันธ์ครั้งประวัติศาสตร์กับจีนคอมมิวนิสต์ในปี 2515 เพื่อทำให้ความแตกแยกระหว่างจีนกับสหภาพโซเวียตดำเนินต่อไป
ซึ่งลาฟรอฟ กล่าวว่า พฤติการณ์แวดล้อมในปัจจุบัน แตกต่างแบบเทียบกันไม่ได้กับในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1970 ก่อนยืนยันว่า รัสเซียจะไม่มีวันทรยศกับจีน สหรัฐอเมริการู้ดีว่ารัสเซียจะไม่มีวันทรยศพันธกรณีทางกฎหมาย และพันธกรณีทางการเมืองที่พัฒนาร่วมกับจีน รัสเซียไม่เคยมีความสัมพันธ์กับจีนที่ดีงาม เป็นความลับ และระยะยาวขนาดนี้มาก่อน อีกทั้งประชาชนสองฝ่ายให้การสนับสนุน ไม่เหมือนกับตะวันตกที่ละเมิดหลักประกันที่ให้ไว้กับมิคฮาอิล กอร์บาชอฟ อดีตผู้นำโซเวียตว่า นาโตจะไม่ขยายตัวไปทางตะวันออก แต่ตะวันตกอ้างว่านั่นไม่ใช่ข้อผูกมัดทางกฎหมาย
ลาฟรอฟ กล่าวว่า ถ้าเป็นคนที่ยึดมั่นในศักดิ์ศรีแล้ว เมื่อรับปากเรื่องใดไว้ผ่านคำมั่นทางการเมือง ก็ควรจะต้องทำตามนั้น
รัสเซียถือว่า การเข้าไปประชิดชายแดนของนาโต และการให้คำมั่นว่าจะรับยูเครนเป็นสมาชิก คือเหตุผลสำคัญที่นำไปสู่การเปิดสงครามรุกรานยูเครน
ลาฟรอฟ ให้สัมภาษณ์บล็อกเกอร์ดังจากสหรัฐฯ 3 คน ที่เดินทางไปสัมภาษณ์ถึงกรุงมอสโก ในประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐ การยุติสงครามยูเครนและประเด็นอื่น ๆ โดยใช้เวลานานกว่า 90 นาที รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย แสดงความหวังด้วยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซียจะได้รับการฟื้นฟูสู่ระดับปกติ เพื่อเปิดทางสู่การแก้ไขความขัดแย้งระหว่างกันอย่างสันติต่อไป
วันเดียวกัน สื่อทางการรัสเซีย รายงานว่า นายเซอร์เกย์ นาริชกิน (Sergey Naryshkin) ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองต่างชาติของรัสเซีย หรือ SVR กับ จอห์น แรทคลิฟฟ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง หรือ CIA ของสหรัฐฯ ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (11 มีนาคม) ซึ่งนับเป็นครั้งแรก ที่หัวหน้าหน่วยข่าวกรองสองประเทศติดต่อกันในรอบกว่า 2 ปี
ผอ. SVR ระบุในแถลงการณ์ว่า สองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าจะรักษาช่องทางติดต่อพูดคุยกันไว้ เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และเพื่อลดความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างกัน นอกจากนี้ ยังได้หารือความร่วมมือระหว่างสองหน่วยงาน ในมิติที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน และคลี่คลายสถานการณ์วิกฤติ ทั้งนี้ หัวหน้า CIA กับ SVR ติดต่อกันครั้งสุด เมื่อพฤศจิกายน 2565 เมื่อครั้งที่นาย นาริชกิน พูดคุยกับ วิลเลียม เบิร์นส์ ผอ.CIA ขณะนั้น ที่กรุงอังการา ประเทศตุรกี