BBC และรอยเตอร์สรายงานว่าทรัมป์ได้บอกกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (อังคารที่ 12 มีค.) เขาจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอียูและแคนาดาเพิ่มอีกนอกเหนือจากภาษีเหล็กและอลูมิเนียม 25% โดยทรัมป์ประกาศว่า “ไม่ว่าพวกเขาจะเก็บภาษีสินค้าอะไรมา เราก็จะเก็บภาษีสินค้านั้นๆตอบโต้” ขณะที่โฮเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐเผยว่าทรัมป์เตรียมจะเก็บภาษีนำเข้าทองแดงด้วย
เมื่อวานนี้หลังจากที่มาตรการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของทรัมป์มีผลบังคับใช้ แคนาดาซึ่งเป็นผู้ส่งออกเหล็กและอลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐก็ตอบโต้ด้วยการประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตรา 25% เท่ากัน ซึ่งครอบคลุมสินค้าโลหะ, คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์กีฬาและอื่นๆในมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ
ขณะที่ 27 ชาติอียูก็ประกาศใช้มาตรการเก็บภาษีตอบโต้สหรัฐ 25% เท่ากัน ครอบคลุมสิ่งของเครื่องใช้ในบ้าน, เพชร, เหล้าเบอร์เบินและสินค้าเกษตรมูลค่า 2 หมื่น 8 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยให้มีผลบังคับใช้ 1 เมษายน อย่างไรก็ตามเออร์ซูล่า ฟอน เดอร์เลเย่น ประธานคณะกรรมการยุโรป (EC)บอกว่าอียูพร้อมเจรจาพูดคุยกับสหรัฐเพื่อแก้ปัญหาความข้ดแย้งในประเด็นการค้า
ส่วนอังกฤษ, ออสเตรเลียและบราซิลออกมาตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์กำแพงภาษีเหล็กของทรัมป์ แต่บอกว่าจะยังไม่ตอบโต้เพราะไม่ต้องการให้กระทบเศรษฐกิจของตัวเอง
ด้านมาร์ก คาร์นี่ย์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีแคนาดาที่กำลังจะเข้ามารับตำแหน่งแทนจัสติน ทรูโดประกาศว่าเขาพร้อมที่จะพบเจรจากับทรัมป์เพื่อยุติข้อขัดแย้ง ภายใต้เงื่อนไขที่ทรัมป์จะต้องเคารพอธิปไตยแคนาดา ขณะที่ผู้แทนแคนาดาเตรียมเดินทางไปเจรจากับเจ้าหน้าที่สหรัฐที่กรุงวอชิงตันในวันนี้ (พฤหัสที่ 13 มีค.)
ขณะที่โพลสำรวจความคิดเห็นของรอยเตอร์ส/อิพซอสเผยว่าชาวอเมริกัน 57% มีความเห็นว่านโยบายเก็บภาษีของทรัมป์ไม่อยู่กับร่องกับรอย ขณะที่ 70% วิตกว่ากำแพงภาษีของทรัมป์จะทำให้พวกเขาต้องซื้อสินค้าในราคาแพงขึ้น
