AP และ The Times of Israel ออกมาเปิดเผยในวันนี้ (ศุกร์ที่ 14 มีค.) โดยอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐและอิสราเอลระบุว่าสหรัฐและอิสราเอลกำลังเจรจาพูดคุยกับซูดาน, โซมาเลียและโซมาลีแลนด์ ซึ่งอยู่ทางตะว้นออกของแอฟริกาเพื่อหารือเรื่องการส่งชาวปาเลสไตน์จำนวนกว่า 2 ล้านคนในกาซาไปยัง 3 ประเทศแอฟริกา ซึ่งล้วนเป็นประเทศยากจนและหลายพื้นที่ถูกทำลายจากเหตุรุนแรงและการสู้รบ
หลังมีรายงาน AP ได้พยายามติดตามสอบถามไปยัง 3 ประเทศเหล่านี้ แต่เจ้าหน้าที่ซูดานบอกว่ารัฐบาลซูดานปฏิเสธข้อเสนอของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนเจ้าหน้าที่โซมาเลียและโซมาลีแลนด์บอกไม่รู้เรื่อง
รายงานเผยว่าทรัมป์และเนทันยาฮูได้เริ่มแอบเจรจากับ 3 ชาติแอฟริกาหลังจากที่เนทันยาฮูเดินทางไปพบกับทรัมป์และได้พูดคุยกันเรื่องโครงการฟื้นฟูกาซาเป็นริเวียร่าแห่งตะวันออกกลางเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเพียงไม่กี่วัน โดยเนทันยาฮูเป็นผู้นำในติดต่อเจรจา โดยมีการยื่นข้อเสนอและจูงใจหลายอย่างเป็นการแลกเปลี่ยน รวมทั้งความช่วยเหลือด้านการเงิน, การทูตและความมั่นคง ซึ่งเป็นสูตรคล้ายๆกับที่ทรัมป์เคยทำข้อตกลงอับราฮัมระหว่างอิสราเอลกับ 4 ชาติอาหรับเมื่อ 5 ปีที่แล้วในยุคทรัมป์ที่เป็นผู้นำสหรัฐ ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐและอิสราเอลยืนยันว่ามีการเจรจาพูดคุยจริงแต่ไม่ชัดเจนว่ามีความคืบหน้าในระดับไหน และว่าทรัมป์ยังยืนยันในโครงการพัฒนากาซา
ด้านสำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอลต่างปิดปากเงียบ แต่นายเบซาเลล สมอทริช รัฐมนตรีคลังอิสราเอลซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีในการเรื่องย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซากล่าวว่าอิสราเอลกำลังเลือกประเทศที่จะส่งชาวปาเลสไตน์ไปตั้งถิ่นฐานจริง และกองทัพอิสราเอลอยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่ออพยพชาวปาเลสไตน์ครั้งใหญ่
รายงานดังกล่าวมีขึ้นเพียง 1 วันหลังจากอิยิปต์ จอร์แดนและฮามาสออกมาแสดงความยินดีที่ทรัมป์ประกาศจะไม่ย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา โดยก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยขอให้อิยิปต์และจอร์แดนรับชาวปาเลสไตน์ไปอยู่แต่ทั้งสองชาติและชาติอาหรับอื่นๆต่างพากันปฏิเสธชี้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิชาวปาเลสไตน์ ขณะที่ยูเอ็นเตือนว่าการบังคับย้ายถิ่ินฐานเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม