มติรัฐสภา ตีตกร่างกฎหมายป.ป.ช. ฉบับส้ม เรียกร้องโอนคดีทุจริตทหาร ไปศาลพลเรือน

"รัฐสภา" มีมติข้างมาก 415 เสียง ตีตก ร่างกม.ป.ป.ช. โอนคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ของ “ทหาร” ไปศาลคดีทุจริต

มติรัฐสภา ตีตกร่างกฎหมายป.ป.ช. ฉบับส้ม เรียกร้องโอนคดีทุจริตทหาร ไปศาลพลเรือน – Top News รายงาน

 

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามกาารทุจริตแห่งชาติ (พ.ร.ป.ป.ป.ช.) ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาแล้วเสร็จ

ทั้งนี้ในการพิจารณาในวาระสอง พบว่า สมาชิกรัฐสภา ได้ถกเถียงถึงการแก้ไขของกมธ.เสียงข้างมากในมาตรา 4 ที่แก้ไขให้ในรายละเอียดของการให้คดีทุจริตและประพฤติมิชอบส่วนของกองทัพให้โอนอัยการสูงสุดไปดำเนินการ โดยได้ตัดส่วนของการดำเนินคดีในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบออกไป นอกจากนั้นได้เพิ่มวรรคสองขึ้นใหม่ โดยกำหนดให้การดำเนินคดีในส่วนของบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร เป็นเจ้าหน้าที่กองทัพ กำหนดให้ศาลทหารยังมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ไปพลางก่อน โดยให้อัยการสูงสุดเป็นอัยการทหารตามกฎหมายว่าด้วยธรรมนูญศาลทหาร

โดย กมธ.เสียงข้างน้อยและสมาชิกรัฐสภา ทักท้วงว่าการแก้ไขเนื้อหาดังกล่าว เท่ากับการคงอำนาจให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาคดีของบุคลากรในกองทัพที่มีประเด็นทุจริต และประพฤติมิชอบ ซึ่งถือว่าขัดกับหลักการของการอำนวยความยุติธรรมสากล อีกทั้งในการกำหนดให้ศาลทหารยังมีอำนาจในการพิจารณาคดีไปพลางก่อนที่จะแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเท่ากับการประวิงเวลา

ขณะที่ นายณรงค์ ทับทิมไสย์ ตัวแทนสำนักงานศาลยุติธรรม ฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย อภิปราย ศาลยุติธรรมมีจุดยืนชัดเจนที่ให้พิจารณาคดีทุจริตประพฤติมิชอบทุกประเภทในศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อต้องการให้การพิจารณาคดีดังกล่าวบรรลุการค้นหาความจริงด้วยระบบไต่สวน แสวงหารวบรวมให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริง พยานอย่างครบถ้วน รอบด้าน จะส่งผลให้การพิจารณาพิพากษาคดีมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว เสมอภาค เป็นธรรม สอดคล้องกับหลักการสากลที่ยอมรับร่วมกันให้บุคคลทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย ศาล เดียวกันภายใต้ข้อหาอย่างเดียวกัน คือ หากพลเรือนทำผิดต้องขึ้นศาลพลเรือนที่เป็นกลางที่เป็นหลักความเสมอภาคของกฎหมายและอิสระของตุลาการ ที่นานาอารยประเทศยอมรับ

ข่าวที่น่าสนใจ

นายณรงค์ อภิปรายด้วยว่า เมื่อรัฐสภารับหลักการย่อมมีเจตนารมณ์ชัดเจนให้ กมธ.พิจารณาให้การดำเนินคดีทุจริตประพฤติมิชอบที่อยู่ในเขตอำนาจศาลทหาร อยู่ในอำนาจของศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือศาลพลเรือน กรณีที่กมธ.เสียงข้างมาก ไม่ทำให้เกิดคความชัดเจนเพื่อให้ศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบมีอำนาจพิจารณาคดีทุจริตผู้ถูกกล่าวหาในเขตอำนาจศาลทหาร ช่วงเปลี่ยนผ่าน ทำให้ร่างกฎหมายไม่บรรลุวัตถุประสงค์ เพราะกฎหมายที่ใช้บังคับไม่ได้อยู่ในทิศทางของการเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาล หากบัญญัติให้ชัดเจน เหมือนกับ พ.ร.บ.อุ้มหาย มาตรา 34 ที่ให้ศาลอาญาทุจริตประพฤติมิชอบมีเขตอำนาจเหนือคดีความผิดทั้งหลาย ย่อมทำให้กฎหมายที่ต้องการเปลี่ยนแปลงนั้นชัดเจนและสร้างเจตจำนงค์ร่วมกันว่าให้กฎหมายเป็นไปทิศทางใด

“น่าเสียดายที่ร่างกฎหมายประชุมชั้นกมธ. 2 ครั้ง แต่ผมไม่ได้อยู่ด้วยเพราะติดราชการที่ต่างประเทศ จึงไม่ได้เสนอร่างแก้ไข ทั้งนี้ได้ขอสงวนความเห็นในเนื้อหา ทั้งนี้กมธ. เสียงข้างมาก บัญญัติไว้ถือว่าไม่มีความชัดเจน ทำให้เกิดความสับสนของผู้บังคับใช้กฎหมายเรื่องเขตอำนาจศาล และจำเลยใช้โต้แย้งเพื่อประวิงคดีได้ง่าย แต่หากบัญญัติให้ชัดเจนเช่นเดียวกัน พ.ร.บ. อุ้มหาย หรือแนวทางกมธ.เสีงข้างน้อย ทำให้กฎหมายที่จะเปลี่ยนแปลงมีผลบังคับใช้และไม่ถูกโต้แย้งได้ง่าแยละกฎหมายของประเทศก้าวหน้า” นายณรงค์ อภิปราย

ขณะที่นายธงทอง นิพัทธรุจิ กมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า การแก้ไขกฎหมายเพื่อแก้ไขเขตอำนาจศาลทหาร ต้องคำนึงถึงรัฐธรรมนูญ มาตรา 199 และพระธรรมนูญศาลทหาร อย่างไรก็ดีในการพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบนั้นมีบทกำหนดให้ศาลทหารนำไปปฏิบัติ ดังนั้นวิธีการพิจารณาคดีทุจรติประพฤติมิชอบ ที่ออกตามพ.ร.ป.ป.ป.ช.ที่แก้ไข นั้นเป็นการดำเนินการก่อนชั้นศาล ที่รับรองเขตอำนาจศาลทหาร ดังนั้นมาตรา 4 ที่แก้ไข ให้โอนอำนาจศาลทหารที่ทหารกระทำความผิดตามคดีทุจริตประพฤติมิชอบไปยังศาลพลเรือน ภายหลังการยกเลิกมาตรา 3 ซึ่งยกเลิกมาตรา 96 ของ พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2561

“การแก้ไขของกมธ.เสียงข้างมาก เป็นการกำหนดการก่อนชั้นศาลไม่ใช่ขั้นตอนในชั้นศาล ซึ่งขั้นตอนในชั้นศาลจะเป็นไปตามเขตอำนาจและวิธีพิจารณาคดีตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 199 กำหนดรวมถึงพระธรรมนูญศาลทหารกำหนด กรณีที่กมธ.เสียงข้างมาากให้ชะลอตัดอำนาจศาลทหารที่พิจารณาคีดที่ทหารทำผิดไว้ก่อน เป็นเรื่องถูกต้อง เพระการแก้ไขดังกล่าวต้องโยงกับการแก้ไขกฎหมายอื่น ที่อยู่นอกเหนือจาก พ.ร.ป.ป.ป.ช.” นายธงทอง ชี้แจง

 

ขณะที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานกมธ. ชี้แจงว่า หลักการร่างกฎหมายที่รัฐสภารับไป คือ ให้ยกเลิกอำนาจของอัยการสูงสุดที่ดำเนินคดีในศาลทหาร และเขียนบทรองรับให้โอนอำนาจศาลทหารในคดีอาญาทุจริตที่มีอยู่ก่อน พ.ร.ป.ใช้บังคับ โอนให้อัยการสูงสุดในศาลอาญาคดีทุจริตพิจารณา ทั้งนี้ยอมรับว่ากมธ.เสียงข้างมากแก้ไขเนื้อหาตามหลักการ แต่ที่กมธ.พบคือจะเป็นปัญหา หากเห็นชอบโอนคดีให้อัยการสูงสุดทำในศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบจะปฏิบัติไม่ได้ เพราะแม้จะโอนคดีที่มีก่อนหน้าไปแล้ว แต่คดีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะทำอย่างไร ซึ่งตัวแทนศาลยุติธรรมให้ความเห็นอย่างมีน้ำหนัก คือ มีปัญหาต่อการบังคับใช้ เพราะไม่มีบทบังคับที่รองรับเขตอำนาจในคดีที่อาจเกิดในอนาคต

อย่างไรก็ดีในการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภายังแสดงความเห็นโต้แย้งที่กมธ.แก้ไขเนื้อหาของร่างกฎหมายที่หักล้างกับหลักการของร่างกฎหมายที่มติรัฐสภารับหลักการวาระแรก จึงต้องใช้การลงมติตัดสิน โดยพบว่าเสียงข้างมาก คือ 456 เสียงเห็นด้วยกับการแก้ไขของกมธ.เสียงข้างมาก ต่อเสียงไม่เห็นด้วย 6 เสียง และมีผู้งดออกเสียง 138 เสียง ทั้งนี้เมื่อถึงการลงมติว่าจะเห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างมาก หรือเสียงข้างน้อย พบว่ามติเห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างมาก เพียง 24 และเห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างน้อย 167 เสียง และมีผู้งดออกเสียง 410 เสียง

ทำให้เนื้อหาของมาตราดังกล่าวจึงถูกแก้ไขตามมติของรัฐสภา ให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเป็นศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาคดีบุคคลซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหารในความผิดคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ และบรรดาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบที่อยู่ในระหว่างการดำเนินคดีของอัยการทหาร ตามมาตรา 96 ของพ.ร.ป.ป.ป.ช.พ.ศ.2561 ซึ่งบังคับใช้อยู่ก่อนวันที่ พ.ร.ป.นี้ใช้บังคับ ให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ดำเนินการในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

จากนั้นได้เข้าสู่มาตรา 5 ซึ่งกมธ.เสียงข้างมากเพิ่มขึ้นใหม่ เพื่อให้อำนาจ ประธาน ป.ป.ช. รักษาการตามพ.ร.ป. ซึ่งมติของที่ประชุมเสียงข้างมากไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มขึ้นใหม่

ต่อจากนั้นที่ประชุมรัฐสภา ได้ลงมติในวาระสามว่าจะเห็นชอบกับร่างพ.ร.ป.ทั้งฉบับหรือไม่ โดยมติของที่ประชุมพบว่า มีเสียงเห็นด้วย 163 เสียงไม่เห็นด้วย 415 เสียงและ งดออกเสียง 12 เสียง ถือว่าร่างพ.ร.ป.ป.ป.ช. ไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ดีเอสไอ รับเรื่องสอบ ปมซื้อขายใบตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว ส่อผิดฐานค้ามนุษย์
จนท.เข้าเกลี้ยกล่อม หนุ่มปีนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นั่งสมาธิ
"ทักษิณ" ลั่นผมไม่ตกใจ สหรัฐฯโต้ไทยส่งกลับอุยกูร์ มั่นใจ "นายกฯอิ๊งค์" รู้วิธีแก้ปัญหา
“พิชัย” เผยสหรัฐฯจำกัดวีซ่าเจ้าหน้าที่ไทย ไม่กระทบการเจรจาการค้า เชื่อแก้ปัญหาได้
"เนทันยาฮู" ปลดฟ้าผ่า "บิ๊กมั่นคง-เฝ้าระวังน่านฟ้า ใจหวิว "ฮูตี" เอาคืน
ด่วน! “ศรีษะเกษ” เปิดใช้งานหลุมหลบภัย “ครู-นักเรียน” ซ้อมอพยพหนีระเบิด
"แม่" ออกโรงแจงปม คนกราบ "เด็กเชื่อมจิต" ชี้แค่การทำบุญ ไม่ได้ละเมิดคำสั่งศาล พ้อโดนโจมตี
"นฤมล" ร่วมเวทีพลิกโฉมเกษตรไทย หนุนยกระดับนวัตกรรม นำพัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่ม
ว่อนโซเชียล คลิปคนนั่งเข้าแถวกราบไหว้ “เด็กเชื่อมจิต” ที่วัดป่ารัตนพรชัย ชาวเน็ตสงสัยละเมิดคำสั่งศาลหรือไม่
“ทักษิณ” ยันเดินสายพบมวลชนเสื้อแดง ปัดปลุกขัดแย้ง บอกถึงเวลาทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น