The Times of Israel และ BBC รายงานว่าโฆษกกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ได้แถลงผ่าน X เป็นภาษาอาหรับในวันนี้ (อังคารที่ 18 มีค.) โดยประกาศเตือนชาวปาเลสไตน์ที่อยู่ตามพรมแดนฉนวนกาซา ซึ่งรวมถึงเมืองเบ็ธ ฮานูน ทางเหนือของกาซา, เมืองคูซาอาและอาบาซาน ใกล้กับข่านยูนิส ทางภาคใต้ให้อพยพออกจากพื้นที่โดยทันที โดยระบุว่าพื้นที่เหล่านี้จะเป็นพื้นที่สู้รบอันตราย โดยแนะให้อพยพเข้าไปอยู่ในศูนย์ผู้ลี้ภัย
คำสั่งอพยพครั้งล่าสุดเป็นการส่งสัญญานว่าอิสราเอลมีแผนจะถล่มซ้ำและขยายการโจมตีฉนวนกาซา หลังจากเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศตลอดคืนที่ผ่านมา โดยปูพรมทิ้งระเบิดตั้งแต่ตอนเหนือ กลางและใต้ของกาซา ถล่มเป้าหมายหลายสิบแห่ง ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขฮามาสเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตว่าพุ่งขึ้นเป็น 326 คน ส่วนผู้บาดเจ็บอยู่ที่ 440 คน เป็นการโจมตีกาซาครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมาหลังข้อตกลงหยุดยิงกาซาเริ่มบังคับใช้
อิสราเอลกลับมาถล่มกาซาอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง ภายใต้การอนุมัติเห็นชอบของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ หลังจากฮามาสปฏิเสธที่จะส่งตัวประกันที่เหลืออีก 59 คนคืนให้อิสราเอล และการเจรจาหยุดยิงเฟสสองระหว่างอิสราเอลและฮามาสประสบความล้มเหลว ทั้งนี้ IDF อ้างว่าเป้าหมายการโจมตีครั้งนี้อยู่ที่สมาชิกกลุ่มฮามาส และหนึ่งในผู้เสียชีวิตก็มีนายมาห์มูด อาบู วัตฟา เจ้ากระทรวงมหาดไทยซึ่งดูแลสำนักงานตำรวจและความมั่นคงภายในฮามาสรวมอยู่ด้วย ซึ่งสำนักงานนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลออกแถลงการณ์ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป IDF จะยกระดับการโจมตีฮามาสอย่างดุเด็ดและหนักหน่วงยิ่งขึ้น
ด้านครอบครัวตัวประกันอิสราเอลต่างออกมาแสดงความวิตกพร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการโจมตีโดยทันทีและกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจากับฮามาสอีกครั้ง เพราะกลัวตัวประกันจะเป็นอันตรายและเตรียมลงถนนชุมนุมประท้วงรัฐบาลอิสราเอลในวันนี้
ขณะที่ยูเอ็นและรัฐบาลชาติต่างๆ รวมทั้งจีน รัสเซียและออสเตรเลียต่างตื่นตกใจและแสดงความผิดหวังที่การเจรจาหยุดยิงล้มเหลว พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายเร่งลดระดับการเผชิญหน้าโดยด่วนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ชาวปาเลสไตน์ซึ่งลำบากยากเข็ญอยู่แล้วยิ่งทนทุกข์มากไปกว่านี้ ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นได้เรียกประชุมด่วนเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้