“จิราพร” แถลงคืบปราบบุหรี่ไฟฟ้า อวดผลงาน 2 สัปดาห์ ยอดยึดพุ่ง 1.2 ล้านชิ้น มูลค่า 231 ล้านบาท – Top News รายงาน
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 เวลา 15.55 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พลตำรวจโท อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายวรณัฏฐ์ หนูรอต ที่ปรึกษาด้านการปกครองกระทรวงมหาดไทย นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมการกรมศุลกากร นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นางสาวทรงศิริ จุมพล รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมการแถลงข่าว ภายหลังการประชุมการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า
โดย นางสาวจิราพร ระบุว่า จากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า ได้มีการแบ่งการทำงานเป็น 3 ส่วน ในระยะเร่งด่วน เพื่อปูพรมการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า เน้นพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่รับผิดชอบของกรมศุลกากร ซึ่งมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยจะไม่มีการระงับคดีและส่งต่อไปยังตำรวจสอบสวนกลาง และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อสืบเส้นทางการเงินเพื่อยึดทรัพย์
ส่วนการปราบปรามร้านค้า ร้านที่มีที่ตั้งและออนไลน์ด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)ได้ทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้น โดยหาก จับกุมกรณีที่มีของกลางมูลค่า เกินกว่า 500,000 บาท จะส่งไปยังปปง. หากต่ำกว่า 500,000 ทางตำรวจจะสืบทรัพย์และส่งต่อปปง.เพื่อดำเนินการ ส่วน กระทรวงดีอี สามารถปิดกั้นเพจและเว็บไซต์ต่างๆได้แล้วกว่า 9,500 กว่าเพจ
ขณะเดียวกันยังสร้างความตระหนักรู้ เรื่องโทษของบุหรี่ไฟฟ้าและข้อกฎหมายควบคู่กัน ให้กับประชาชน รวมไปถึงเน้นที่สถานศึกษา เพราะนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยไม่อยาก ไม่อยากให้เยาวชนเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าโดยง่าย โดยใช้กลไกที่มีอยู่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว ต้องนำข้อกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาทบทวน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวถึง ความคืบหน้ามาตรการเร่งด่วนโดยเฉพาะการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าและกวาดล้าง นับจากวันที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อ25 กุมภาพันธ์ ได้เริ่มดำเนินการทันที โดยมียอด26 กุมภาพันธ์ – 18 มีนาคม ยอด การจับกุมดำเนินคดี 1,741 คดี ผู้ต้องหา 1789 คน จำนวนของกลาง 1, 285,024 ชิ้น มูลค่า 231,881,074 บาท